“ประยุทธ์” โวยถูกบิดเบือน ขออยู่อีก 5 ปี ยืนกรานไม่คิดยุบสภา ส่งซิก ครม.ลากยาว อ้างรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพเอเปก

“ประยุทธ์” โวยถูกบิดเบือนขออยู่อีก 5 ปี โต้แค่ให้รอดูผลงานจะเห็นผล ยืนกรานไม่มี แนวคิดยุบสภาตอนนี้ ส่งซิก ครม.ลากยาว อ้างรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก “วิษณุ” แก้ต่างแทน 5 ปี มันคือวงรอบกรอบแผนปฏิรูป พลิ้วอีกนานกว่าจะได้ เลือกตั้ง “บิ๊กป้อม” ลั่นจัดการได้ปัญหาในบ้าน ไม่งั้น จะเป็นหัวหน้าพรรคทำไม ขึงขังเคาะเองเลือก ส.ส.ลงสนามไม่ใช่ “ธรรมนัส” คุม “ไผ่” แจงทำโพลไม่เกี่ยว ตัดเกรด ส.ส. “เฮ้ง” เชื่อแรงต้าน “พีระพันธุ์” เดี๋ยวก็จบ มติ พท.ท่วมท้นตะเพิด “ศรัณย์วุฒิ-พรพิมล” พ้น พรรคเซ่นข้อหาเป็นปฏิปักษ์และฝักใฝ่พรรคอื่น “ปิยะบุตร-ธนาธร” ข้องใจ กกต.เรียกไต่สวนเลียนแบบ พรรคการเมืองส่งผู้สมัครท้องถิ่น เตะสกัดเลือกตั้ง อบต. ท้าลบชื่อพ้นจากแผ่นดิน-ห้ามยุ่งการเมือง ป.ป.ช.ตีตกคดี “บิ๊กติ๊ก” ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน

หลังจากมีกระแสต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขอเวลาอีก 5 ปีในการบริหารประเทศ ล่าสุดในที่ประชุม ครม.นายกฯได้ชี้แจงว่าถูกบิดเบือนสิ่งที่ต้องการสื่อสารคือนโยบายต่างๆที่ได้ทำไปจะเห็นผลในอีก 5 ปี พร้อมตอกย้ำยืนยันไม่มีแนวคิดที่จะยุบสภาในขณะนี้

“บิ๊กตู่” ถก ครม.งดจ้อแจกไอเลิฟยูสื่อ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อมาเวลา 13.20 น.ภายหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้พักผ่อนอิริยาบถที่ห้องรับรองสีเหลือง ในตึกสันติไมตรี โดยได้พูดคุยกับนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายตอบคำถามสื่อมวลชนแทน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางกลับทันทีโดยมีรัฐมนตรีของพรรคมาส่งขึ้นรถ จากนั้นนายกฯเดินกลับขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยได้ทักทายพร้อมส่งสัญลักษณ์มือไอเลิฟยูอย่างอารมณ์ดีให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพ แล้วชี้ไปที่โฆษกประจำสำนักนายกฯที่มอบหมายให้เป็นคนชี้แจงและตอบคำถามสื่อมวลชนแทน

ยืนยันไม่มีแนวคิดยุบสภา

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ครม.ถึงคำปรารภและข้อสั่งการนายกฯเกี่ยวกับการเมืองว่า นายกฯ ไม่มีแนวคิดในการยุบสภาในวันนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลเดินหน้าทำงานแก้ปัญหาโควิด-19 และน้ำท่วม ส่วนกรณีที่มีการพูดถึงตัวเลข 5 ปี หมายความว่าขอให้ติดตามดูผลงานรัฐบาลทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะส่งผลอย่างชัดเจนภายใน 5 ปี

ไม่เคยได้ยิน พปชร.ส่งคนอื่นชิงนายกฯ

นายธนกรตอบคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์พร้อมเป็นนายกฯอีกสมัยหรือไม่และมีความเห็นอย่างไรกรณีกระแสข่าว พปชร.เสนอชื่อบุคคลอื่นในนามพรรคเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่าไม่เห็นได้ยินกระแสข่าวดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนกล่าวกันไปเองในเชิงวิเคราะห์ นายกฯและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐชี้แจงไปแล้วถือว่าจบแล้ว ยืนยันว่ายังไม่มีแนวโน้มการยุบสภาหรือเลือกตั้งอะไรทั้งนั้น มีเพียงการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จึงขอให้หยุดเสนอข่าวที่ก่อให้เกิดความสับสนได้แล้ว

โต้บิดเบือนขอ 5 ปีแค่กรอบปฏิรูป

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงข้อกฎหมายระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯว่า ยังไม่มีคำตอบอะไร นายกฯมอบหมายให้ไปดู แต่ยังไม่ได้ดู ยังไม่ต้องทำอะไรเวลานี้ หากเมื่อไหร่ถึงเวลาจะสะกิดนายกฯว่า “ครบแล้วครับไปเถอะ” ประเด็นที่ว่ายังทำอะไรไม่ได้ ที่จะทำให้ชัดเจนและน่าเชื่อถือ แม้แต่ส่งศาลรัฐธรรมนูญตอนนี้ยังทำไม่ได้ ไม่อยากพูดอะไรมาก ไม่อยากเปิดประเด็นตอนนี้ ไม่มีประโยชน์อะไร หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ ส่วนที่นายกฯไปพูดที่ จ.นครศรีธรรมราช ให้รอดูผลงานอีก 5 ปี พล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายในที่ประชุม ครม.ว่าไม่ได้หมายความว่าจะอยู่อีก 5 ปี กระแสที่ออกมาไปบิดเบือน สิ่งที่ท่านจะสื่อสารคือนโยบายต่างๆที่ได้ทำไปจะเห็นผลในอีก 5 ปี จะเห็นผล สิ่งที่ท่านพูดถึงกรอบเวลา 5 ปีนั้นเป็นวงรอบของกรอบแผนปฏิรูป ไม่ได้ให้นับ 5 ปีจากปัจจุบัน ส่วนการยกร่างกฎหมายเลือกตั้ง หากพรรค พปชร.ดำเนินการอาจเกิดปัญหา เพราะการเลือกตั้งจะกระทบทุกพรรค ต้องสอบถามพรรคต่างๆว่าเห็นชอบกับร่างที่จะเสนอหรือไม่ หรือต่างคนต่างยกร่างเสนอกันเองก็ได้ แต่รัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ได้เชิญเลขาธิการ กกต.มาหารือสอบถามว่า กกต.จะดำเนินการหรือไม่ ไทม์ไลน์เป็นอย่างไร หรือจะให้ ส.ส.ทำ เพราะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ต่างจากการยกร่างของ ส.ส.ไม่ต้องทำตามมาตรา 77

พลิ้วกว่าจะได้เลือกตั้งยังอีกนาน

นายวิษณุกล่าวต่อว่า กฎหมายลูกเมื่อแก้ไม่มาก ไม่น่าจะใช้เวลานาน และรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า การพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญต้องพิจารณา ร่วมกันในที่ประชุมรัฐสภาใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน หากกฎหมายผ่านต้องมีขั้นตอนทูลเกล้าฯอีก 3 เดือน เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเช่นนี้ต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะมีความพร้อมเลือกตั้งได้ นายวิษณุกล่าวว่า “อันนั้น สื่อพูดตนไม่รู้ เก่งสรุปได้ ขอให้คะแนน สรุปเป็นใช้ได้” ทั้งนี้ หากรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้ว แต่กฎหมายลูก ยังไม่มีผลบังคับใช้แล้วเกิดยุบสภาฯ ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ แต่ยอมรับว่าจะยุ่ง ไม่รู้จะนับคะแนนแบบไหน แต่มีทางออก สื่อถามว่า รัฐธรรมนูญประกาศ ใช้แล้ว กฎหมายลูกยังไม่เสร็จ จะทำอย่างไร ต้องบอกว่า ต้องใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่จะนับคะแนนอย่างไรปัญหามันเล็กลงมาแล้ว มีวิธีแก้คิดไว้แล้วแต่ไม่บอก ทุกสถานการณ์เกิดขึ้นได้ ยอมรับว่าถ้าวันนี้ยุบสภาฯโดยที่ รัฐธรรมนูญยังไม่ใช้ถือว่าง่ายกว่า สูตรคำนวณ ส.ส. ความจริงจะโยนให้ กกต. และ ส.ส.ไปคิด เพราะเขา มีสิทธิ์เสนอกฎหมาย รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ ที่อุตส่าห์แก้กัน มาเป็นบัตรเลือกตั้งสองใบ ก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจ มันไม่ควรจะทะเลาะกันเรื่องกติกา

ส่งซิกอยู่ยาวเป็นเจ้าภาพเอเปก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงต้นของการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ยังได้พูดถึงกระแสข่าวยุบสภาและเลือกตั้งว่า “ก็อย่าเพิ่งไปวุ่นวายมาก รัฐบาลจะทำงานช่วยเรื่องน้ำท่วมและโควิด-19 ก่อน ยืนยันว่าไม่มีแนวคิดเหมือนที่สื่อเล่นกัน 5 ปี ที่ผมพูดหมายถึงจากผลงานที่ทำมาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งเรื่องอีอีซีที่ต้องใช้เวลาวางโครงสร้างพื้นฐานระบบ คมนาคมต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าผมจะอยู่ยาวอีก 5 ปี เดี๋ยวเอาไปตีความกัน” นายกฯยังย้ำถึงการเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกต่อจากนิวซีแลนด์ในวันที่ 12 พ.ย.64 ด้วยว่าการประชุมเอเปกจะหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในรอบ 20 ปี จะวนมาถึงไทยครั้งหนึ่ง อยากให้ทุกคนช่วยการสร้างความรับรู้ อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพ อยากให้โฟกัสเรื่องนี้เป็นพิเศษ ตอนนี้รัฐบาลเราต้องช่วยกัน พอยต์สำคัญตอนนี้คือเรื่องเอเปก ทำงานให้เต็มที่ ไม่ได้รีบไปเลือกตั้ง ที่ผ่านมาก็ทำงานดีแล้ว ตอนนี้เร่งสร้างผลงานให้ดีๆก่อน ต่อจากนั้นใครจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันไป

“บิ๊กป้อม” ลั่นจัดการได้ปัญหาใน พปชร.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งในพรรคหลังนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรค พปชร. วิพากษ์วิจารณ์นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.ที่จะเข้ามามีบทบาทใน พรรคว่า “ไม่มีอะไร ตอบไปแล้วไม่มีอะไร ผมจัดการ ปัญหาได้ทั้งหมด ในพรรคของผม ผมต้องทำได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นหัวหน้าพรรคทำไม” เมื่อถามว่าต้องให้นายพีระพันธุ์เข้าไปสร้างความไว้วางใจกับสมาชิก พรรค พปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้อง

เคาะ ส.ส.ลงสมัครเองไม่ใช่ “ธรรมนัส”

เมื่อถามว่า ระยะหลังพรรค พปชร.ทำโพลเข้มข้นประเมิน ส.ส. ในพื้นที่ภาพรวมออกมาเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็แล้วแต่สื่อมวลชนคิด เมื่อ ถามว่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “เอาน่า ผมทำแล้วกัน มันเป็นเรื่องของผม จะถามอะไรผมล่ะ” เมื่อถามว่า ส.ส.ในพื้นที่ห่วงเพราะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ส่วนใหญ่เป็นคน ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร.พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี เพราะตนเป็นคนดูด้วย ไม่ใช่ ร.อ.ธรรมนัสดูคนเดียว ตนต้องดูว่าจะเอาใคร จะเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะได้สมัครหรือไม่ได้สมัคร อย่างไร เมื่อถามย้ำว่า จะให้ความเป็นธรรมกับ ส.ส.ทุกคนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “พุทโธ่ ถามได้ ถามอย่างนี้ถามได้อย่างไร” นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รองเลขาธิการพรรค พปชร. เข้าพบที่ตึกบัญชาการมาหารือเรื่องทำโพล

“ไผ่” แจงทำโพลไม่เกี่ยวตัดเกรด ส.ส.

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะรอง เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า นำเรื่องการทำโพลมา ให้หัวหน้าพรรคดู ไม่มีอะไร ทุกพรรคก็ทำโพลเตรียมพร้อมและปรับปรุงการทำงาน ส.ส. และพรรค จะได้ข้อมูลดิบความต้องการและปัญหาของประชาชนให้ ส.ส. และพรรครับทราบนำไปแก้ไข เพราะ ส.ส. บางคนชาวบ้านยังไม่รู้จัก ได้ข้อมูลมาก็ไปช่วยทำให้ คนรู้จักและรับทราบการทำงานผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆเสริมเข้าไป ยืนยันไม่เกี่ยวกับการนำไปตัดเกรด ส.ส.ว่าจะส่งหรือไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยหน้า ถ้าเลือกตั้งสมัยหน้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะมีผลกับ ส.ส.และพรรค ถ้าเราไม่ไปสำรวจ ไม่รู้ความต้องการประชาชน ส.ส.ไม่ลงพื้นที่จะสะท้อนผลในการเลือกตั้ง

“เฮ้ง” ชี้แรงต้าน “พีระพันธุ์” เดี๋ยวก็จบ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการมีแรงต่อต้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. ว่า เป็น ความเห็นต่างภายในพรรค ถือเป็นเรื่องปกติของทุกพรรค เชื่อว่าไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว สุดท้ายต้องจบ เพราะ ส.ส.ในพรรคทุกคนรับนโยบายและ แนวทางจากหัวหน้าพรรค ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นไม่เป็นปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เชื่อว่าเมื่อมีการประชุม พรรค หัวหน้าพรรคทำความเข้าใจ ทุกคนก็เข้าใจ

“บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” จัดคิวลุยอีสาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังคง เดินหน้าลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 14 ต.ค. เตรียม ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุบลราชธานี วันที่ 15 ต.ค.

พท.ขับ 2 ส.ส.เป็นปฏิปักษ์-ปันใจ

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานประชุม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เพื่อพิจารณาขับ 2 ส.ส. คือ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี และนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ออกจาก สมาชิกพรรค ตามที่คณะกรรมการวินัยจริยธรรมของพรรคส่งผลสรุปขับ 2 ส.ส.มาให้ จากนั้นเวลา 14.00 น. มีการประชุมใหญ่ร่วมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ขอเสียงสมาชิก 3 ใน 4 ลงมติจะขับหรือไม่ มีการตั้งจุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยชุดเอทีเคให้ ส.ส.พบว่านางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น แสดงผล ว่าติดเชื้อโควิดจึงไม่ให้เข้าประชุม และยังให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนฝากโทรศัพท์มือถือไว้ที่โต๊ะจุดลงทะเบียนด้วย

จากนั้นเวลา 15.20 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ช่วงเช้า มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาผล สอบสวนที่คณะกรรมการวินัยจริยธรรมส่งมา ได้แก่ 1.กรณีนายศรัณย์วุฒิ กล่าวหาให้ร้าย ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค ทำลายชื่อเสียงทำให้พรรคเสียหายร้ายแรง ทำผิดข้อบังคับพรรคและผิดวินัยจริยธรรมพรรค มีมติเอกฉันท์ให้พ้นจากสมาชิกพรรค 2.กรณี น.ส.พรพิมล มีพฤติการณ์ฝักใฝ่พรรคอื่น ไม่ยึดมั่น อุดมการณ์พรรค ทำผิดซ้ำสองในพฤติการณ์เดียวกัน ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค ผิดวินัยจริยธรรมพรรค มีมติให้ ขับออกจากสมาชิกพรรค ต่อมามีการประชุมร่วมกัน ระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.เพื่อไทย 143 คน มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 135 คน การลงมติ ขับจากสมาชิกพรรคต้องใช้เสียง 3 ใน 4 จาก 143 คน หรือ 108 เสียงขึ้นไป

มติท่วมท้นไล่ “ศรัณย์วุฒิ-พรพิมล”

นายประเสริฐกล่าวว่า ผลการลงคะแนนกรณีนายศรัณย์วุฒิ สมาชิกเห็นด้วยกับมติกรรมการบริหาร พรรค 131 คน ไม่เห็นด้วย 2 คน บัตรเสีย 2 ใบ กรณี น.ส.พรพิมล สมาชิกเห็นด้วย 134 คน ไม่เห็นด้วย 1 คน ถือว่ามีมติให้ทั้ง 2 คน พ้นจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. หลังจากนี้พรรคจะแจ้งให้ ส.ส.ทั้ง 2 คนทราบมติ และแจ้งไปยัง กกต. ทั้ง 2 คน หาพรรคใหม่สังกัดได้ภายใน 30 วัน พรรคเชิญให้ ส.ส. 2 คนมาชี้แจงถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ได้มาถือว่าไม่ประสงค์ชี้แจง พรรคให้โอกาสแล้ว

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการตรวจหาเชื้อ ATK ก่อนเข้าร่วมประชุม ร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรค ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผลการตรวจเบื้องต้น นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทยมีผลเป็นบวก แต่นางมุกดา ไม่ได้พบปะหรือพูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ไม่ได้ เข้าร่วมประชุมด้วย พรรคมีมาตรการเว้นระยะห่างอยู่แล้ว นางมุกดาได้ไปโรงพยาบาลตรวจหาเชื้อซ้ำ อีกครั้ง คงต้องรอดูต่อไป

แดงปทุมฯ ต้าน พท.ส่งคู่อริชิง ส.ส.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย กลุ่มคนรักประชาธิปไตยปทุมธานีกว่า 20 คน ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คัดค้านการส่งนายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขตคูคตของพรรคเพื่อไทย มีนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี รับเรื่อง ตัวแทน กลุ่มระบุว่ามีผู้สมัครคนหนึ่งย้ายมาจากพรรคหนึ่ง มีประวัติเป็นอริคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี เป็นแกนนำ กปปส.ตัวพ่อปทุมธานี ขึ้นเวทีปราศรัยด่าทออดีตนายกฯ พรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง หากส่งลงสมัครในนามพรรคเกรงคนในพื้นที่จะต่อต้านไม่ยอมรับ ถือเป็นภัยต่อประชาชนในพื้นที่ ถ้าพรรคให้เกียรติคนปทุมธานี ให้ทบทวนการส่งผู้สมัครรายนี้ หากดึงดัน จะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่อย่างหนัก กรณีนี้ทำร้ายหัวใจคนเสื้อแดง ขอพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยนาย สมคิดกล่าวว่า ยืนยันพรรคยังไม่ตัดสินใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.คนใด หากประชาชนคนใดสงสัยสอบถาม กับพรรคได้ตลอดเวลา

“ปิยบุตร” ท้าลบชื่อจากแผ่นดิน

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เข้าชี้แจงคณะกรรมการไต่สวนกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวหาคณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นเข้าข่ายมีพฤติกรรมเลียนแบบพรรคการเมืองขัด พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 111 โดยนายปิยบุตรให้สัมภาษณ์ว่ากรณีนี้ร้องมานานแล้ว กกต.เพิ่งเรียกมาชี้แจงช่วงเลือกตั้ง อบต.นักร้อง คนเดิมจำเพาะเจาะจงร้องเฉพาะคณะก้าวหน้าสกัดกั้นเราใช่หรือไม่ เล่นทุกวิถีทางตั้งแต่เราจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่จนยุบพรรคตัดสิทธิ ใช้ลิควิดเปเปอร์ลบชื่อตนกับนายธนาธรออกจากแผ่นดินนี้เลย ปลายปี 64 แล้วยังเล่นกันไม่เลิก นายธนาธรพูดเรื่องวัคซีนโดนมาตรา 112 ประเทศนี้ใครคิดเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจกลุ่มนี้ต้องเตะสกัดขัดขาหมด ประเทศนี้เป็นของคุณ ไม่ใช่ของทุกคนใช่หรือไม่ ผู้สมัครที่คณะก้าวหน้าสนับสนุนกรณีนี้ไม่มีผลจะทำให้ผู้สมัครได้ใบเหลือง ใบแดง

“ธนาธร” ประชดสั่งห้ามยุ่งการเมืองจบ

ด้านนายธนาธรกล่าวว่า การเมืองท้องถิ่นสำคัญกับคุณภาพชีวิตประชาชน คณะก้าวหน้าห่วงใยประเทศจึงลงมาทำ หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าแรงบันดาลใจของพวกเราผิดกฎหมาย อยากให้พูดออกมาเลยว่า ธนาธรห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทุกระดับ สัปดาห์หน้าเราจะแถลงข่าวการบริหารงานของเทศบาลที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุน พอเลือกตั้งทีไรจะมีเรื่องแบบนี้มากวนใจพวกเรา ทำให้เสียสมาธิ เสียเวลา เสียเงินทอง หรือต้องการให้ผู้สมัครท้องถิ่นที่เราสนับสนุนหวั่นไหว

“อุตตม” ยังไม่ตกลงจับมือกลุ่มใด

นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ข่าวเกี่ยวกับกลุ่ม 4 กุมาร ซึ่งหมายถึงตนและเพื่อนๆว่ามีการพูดคุยจับมือกับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม เพื่อจะทำงานด้านการเมือง เพื่อความชัดเจนของข่าวที่เกิดขึ้น ช่วงเวลาที่ผ่านมามีกลุ่มการเมือง ผู้สนใจงานการเมืองมาพูดคุยกับตนและเพื่อนๆเป็นระยะ เป็นสิ่งที่ดีที่เราจะได้แลกเปลี่ยนความคิด แต่ยังไม่ได้ตกลงจะจับมือกับกลุ่มการเมืองใดๆ ส่วนตัวหากเดินหน้าทางการเมืองไม่ว่ารูปแบบใด สำคัญที่สุดจะทำเพื่อประโยชน์บ้านเมืองด้วยความจริงจัง ตั้งมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายที่จะเดินหน้างานการเมืองภายใต้อุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน

ป.ป.ช.เปิดกรุผู้ว่าฯปูรวย 50 ล้าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี ที่น่าสนใจ อาทิ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี หรือผู้ว่าฯปู ผวจ.อ่างทอง ยื่นบัญชีทรัพย์สินสมัยเป็น ผวจ.สมุทรสาคร มีทรัพย์สินรวม 50,155,945 บาทเป็นทรัพย์สินนายวีระศักดิ์ 21,258,926 บาท ทรัพย์สินนางชุติพร วิจิตร์แสงศรี คู่สมรส 28,897,019บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 8 แปลง 26.2 ล้านบาท ที่จ.นครนายก สุพรรณบุรี อ่างทอง นนทบุรี โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง 8.5 ล้านบาท ที่ จ.อ่างทอง และนนทบุรี และมีทรัพย์สินอื่น อาทิ พระเครื่อง 52 รายการอาทิ สมเด็จเกศไชโย 6 ชั้น ราคา 9.5 แสนบาทรูปหล่อหลวงพ่อเดิม 6 แสนบาท รูปหล่อหลวงพ่อพรหม รุ่นก้นระฆัง มูลค่า 5 แสนบาท หลวงปู่ทวด หลังเตารีด 2 องค์ 3 แสนบาท มีดหมอ หลวงพ่อเดิม 45,000บาท เข็มขัดทองหนัก 30 บาท 1 เส้น หนัก 35 บาท 1 เส้น รวม 1.78 ล้านบาท ทองรูปพรรณ 24 เส้น 495,000 บาท ทั้งนี้นายวีระศักดิ์แจ้งว่ามีหนี้สินเงินกู้ธนาคารและสถาบันการเงิน 2,130,651 บาท

ผู้ว่าฯหมูป่าสูสีมีทรัพย์สิน 45 ล้าน

ขณะที่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร หรือ ผู้ว่าฯหมูป่า ผวจ.ปทุมธานี ยื่นบัญชีทรัพย์สินสมัยดำรงตำแหน่ง ผวจ.ลำปาง มีทรัพย์สิน 45,394,987 บาท เป็นทรัพย์สินของนายณรงค์ศักดิ์ 24,656,675 บาท ทรัพย์สินนางจินจณา โอสถธนากร คู่สมรส 20,738,311 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารรวม 26 ล้านบาท เงินลงทุน 6 ล้านบาท มีทรัพย์สินน่าสนใจ อาทิ นาฬิกายี่ห้อดังหลายรายการ ปืนพก 3 รายการ

ตีตกคดี “บิ๊กติ๊ก” ซุกทรัพย์สิน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในที่ประชุม ป.ป.ช.วันที่ 12 ต.ค. ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้นำคดีที่ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ถูกแจ้งข้อกล่าวหาปกปิดบัญชีทรัพย์สินในส่วนของรายการบ้านและที่ดิน มาพิจารณาก่อนจะมีมติ 8 ต่อ 1 ตีตกข้อกล่าวหาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าสิ่งที่ พล.อ.ปรีชามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาฟังขึ้น โดย พล.อ.ปรีชาชี้แจงว่า เหตุที่ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินบ้านและที่ดินต่อ ป.ป.ช.เนื่องจากขณะนั้นบ้านหลังดังกล่าวยังสร้างไม่เสร็จ จึงเข้าใจผิดว่ายังไม่ต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช. เมื่อดูข้อเท็จจริงแล้ว ป.ป.ช.เห็นว่า พล.อ.ปรีชา ขาดเจตนาจงใจปกปิด จึงมีมติ 8 ต่อ 1 ตีตก