“ม็อบ 18 กรกฎา” เริ่มแล้ว มวลชนพร้อมยานพาหนะทยอยร่วม

มวลชนพร้อมยานพาหนะทยอยร่วม “ม็อบ 18 กรกฎา” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนจะเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังทำเนียบขับไล่ “พล.อ.ประยุทธ์” ตำรวจประกาศย้ำกฎหมายห้ามชุมนุม

ตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้มีการจัดกิจกรรมการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มแนวร่วมต่างๆ และคาร์ม็อบ ทยอยเข้ามายังจุดนัดหมาย ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมขึ้นตามกำหนดในเวลา 14.00 น. และจะมีการเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงข้อเรียกร้องอื่นๆ พร้อมเน้นย้ำมาตรการป้องกันโควิด-19 ของผู้ร่วมชุมนุม ขณะที่ในเวลา 12.20 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่กำลังตั้งคอนเทนเนอร์กั้นตรงถนนราชดำเนินนอก

ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สําราญราษฎร์ และ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายังพื้นที่ จากนั้นมีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงถึงข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 27 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 6 ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หนึ่งในนั้นคือ กรุงเทพมหานคร ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามประกาศโดยเคร่งครัด

ขณะเดียวกันทวิตเตอร์แอคเคาต์ @iLawFX ทวีตข้อความว่า แยกนางเลิ้ง มีรั้วกั้นไม่ให้รถเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าทำเนียบฯ มีรถเครื่องเสียงใหญ่ กับตู้คอนเทนเนอร์วางปิดถนนแยกพาณิชยการ มีรถฉีดน้ำจอดอยู่ 2 คัน 2 ฝั่งถนน สอบถามประชาชนบริเวณนั้นบอกว่ามาจอดตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. 

เวลา 13.30 น. ที่แยก จปร. มุ่งหน้าสะพานมัฆวานรังสรรค์ เจ้าหน้าที่กำลังวางลวดหนามบนตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนที่แยกเทวกรรม ฝั่งถนนลูกหลวง ก็กำลังทำการตั้งตู้คอนเทนเนอร์และวางลวดหนามเช่นกัน และมีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกำลังเตรียมประจำการ ขณะที่ในเวลา 13.35 น. เริ่มมีฝนโปรยปรายลงมาบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว.