ไม่เหมือนที่คุย! ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งจับ “มาดามลูกหนัง” ประธานสโมสรฟุตบอลดัง ตุ๋นแรงงานไปทำงานประเทศเกาหลี

ไม่เหมือนที่คุย! ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งจับ “มาดาม” ประธานสโมสรฟุตบอลดัง หลอกแรงงาน อ้างพาไปทำงานประเทศเกาหลี สุดท้ายพาไปไม่ได้ ขอเงินคืนก็บ่ายเบี่ยง

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 66 นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี และนายบี (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี พร้อมพวกรวม 9 คน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ประธานสโมสรทีมฟุตบอลชื่อดังในจังหวัดแห่งหนึ่ง ที่อ้างว่าสามารถพาพวกตนเดินทางเข้าประเทศเกาหลี เพื่อไปทำงานได้ และมีนายจ้างเกาหลีรับรอง ซึ่งต้องจ่ายค่าดำเนินการคนละ 2 หมื่นบาท มีผู้สนใจกว่า 60 คน มีการจัดทำไลน์กลุ่ม นัดประชุมที่สำนักงานสโมสรฟุตบอล ที่ตั้งอยู่ภายใน ม.การกีฬาแห่งชาติ มีนายจ้างจากเกาหลีเดินทางมาประชุมด้วย เมื่อจ่ายเงินแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้เดินทางไปทำงาน โดยมีเอกสารสัญญาจ้าง ใบเสร็จรับเงิน การโอนเงิน คลิปการประชุม ข้อความแชต เป็นหลักฐาน เหตุเกิดช่วงเดือน พ.ย. 65 ถึง วันที่ 9 ม.ค. 66

นายเอ กล่าวว่า ตนเป็นช่างเชื่อม เคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีแบบถูกต้องผ่านสำนักงานจัดหางานเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 11 พ.ย. 65 มีเพื่อนมาชักชวนไปทำงานเกาหลี โดยเล่าว่า น.ส.ซี หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “มาดาม” ผู้บริหารทีมฟุตบอลชื่อดัง สามารถพาไปทำงานประเทศเกาหลีได้ ตนสนใจจึงโทรศัพท์หา น.ส.ซี ซึ่งอ้างว่า สามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ เพราะว่าทีมฟุตบอลมีหนังสือเชิญไปดูงานที่ประเทศเกาหลี และจะพาพวกตนเดินทางไปด้วยในนามทีมฟุตบอล จึงมีการจัดตั้งไลน์กลุ่ม มีสมาชิกกว่า 60 คน

นายเอ กล่าวต่อไปว่า มีการนัดประชุมกลุ่มในวันที่ 18 พ.ย. มีนายลีโอ นายจ้างชาวเกาหลีและล่ามมาประชุมด้วย โดยในที่ประชุมบอกว่า เดินทางไปเกาหลีแบบมีบัตรเชิญในนามทีมฟุตบอล มีวีซ่า 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถเข้าได้ มีงานเกษตร และโรงงานรองรับ มีสัญญาจ้างแน่นอน หากใครสนใจ ให้โอนเงินก่อนวันที่ 20 พ.ย. คนละ 2 หมื่นบาท เป็นค่าที่พัก และค่าทำวีซ่า เมื่อได้ทำงานแล้ว จะไปหักค่าแรงวันละ 500 บาท ถ้าเข้าไม่ได้คืนเงินทุกคน ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมหลงเชื่อ คนที่อยู่ใกล้ให้ส่งเอกสารมาที่สำนักงานสโมสรฟุตบอล ส่วนคนอยู่ไกลให้ส่งทางไปรษณีย์ โดยมีใบเสร็จรับเงินให้ด้วย

นายเอ กล่าวต่อว่า หลังจากโอนเงินแล้ว มีการนัดประชุมที่สำนักงานสโมสรทีมฟุตบอล เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 65 สำหรับคนที่อยู่ไกลให้ประชุมทางออนไลน์ โดยได้มีการบันทึกคลิปเอาไว้ พอประชุมเสร็จได้นัดหมายการเดินทางไปเกาหลี แต่ น.ส.ซี ก็มาแจ้งว่า ต้องตรวจ K-ETA ก่อน (K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization คือระบบอนุมัติการเดินทางออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศเกาหลีใต้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว เยี่ยมชม การเข้าร่วมกิจกรรม หรือประชุม ธุรกิจยกเว้นวัตถุประสงค์ทางพาณิชย์) หากตรวจไม่ผ่านจะคืนเงิน แต่ก็นัดกลุ่มแรก 15 คน จะต้องบินไปเกาหลีวันที่ 23 ธ.ค. แต่ไม่ได้บิน เพราะตรวจ K-ETA ยังไม่เสร็จ ได้แจ้งเลื่อนไปบินกับกลุ่ม 2 ในวันที่ 9 ม.ค. พอถึงวันนัดหมาย ก็ไม่ได้บินแม้แต่คนเดียว ว่าจะคืนเงิน แต่นัดแล้วก็มีแต่เลื่อน ยังไม่ได้เงินคืนจนถึงวันนี้

“ตอนประชุมบอกว่าไปแบบมีวีซ่า ไม่ได้ไปแบบผีน้อย มีนายจ้างเกาหลีมีล่าม มาบอกว่ามีงานโรงงานกิมจิ โรงงานสาหร่าย งานอ๊อกเชื่อม ไปกับสโมสรฟุตบอลมีบัตรเชิญ มีการการันตี เข้าได้แน่นอน ทุกคนก็มีการโอนเงิน 2 หมื่น เป็นค่าดำเนินการ เมื่อเข้าไปทำงานแล้ว เขาจะหักเงินวันค่าแรงละ 500 บาท สุดท้ายไม่ได้บิน และยังมาแจ้งว่า นายลีโอ นายจ้างเกาหลีก็ยกเลิกไม่รับแรงงานแล้ว ก็แปลว่าแม้จะเข้าไปได้ ก็ต้องเป็นผีน้อยหางานทำเอง” นายเอ กล่าว

นายเอ กล่าวอีกว่า ผลการตรวจ K-ETA ผ่าน 25 คน แต่มีเพียง 5 คน ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปเกาหลี แต่ถูกเรียกเงินเพิ่มอีกคนละ 8,000 บาท ซึ่ง น.ส.ซี ก็พาทั้ง 5 คน บินเข้าประเทศเกาหลี และบอกว่าหากใครสนใจก็มาสมัครได้ และจะพาคนที่ผ่าน K-ETA ไปอีก ส่วนพวกตนและเพื่อนรวม 9 คน ไม่เชื่อและไม่ไปแล้ว จึงขอเงินคืน แต่ น.ส.ซี ก็ยังไม่ยอมคืนเงิน พวกตนต่างก็ทยอยไปแจ้งความตามสถานีตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ทำให้พวกตนเชื่อถือว่าเดินทางเข้าประเทศเกาหลีได้จริง เพราะ น.ส.ซี เป็นผู้บริหารทีมสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียง มีหนังสือเชิญจึงเชื่อว่าเข้าได้แน่นอน และถูกกฎหมาย ทุกคนมีความฝัน มีความหวัง และลาออกจากงานเตรียมบินไปทำงาน แต่สุดท้ายก็โดนหลอก จึงมาแจ้งความดำเนินคดี

พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารทีมฟุตบอล 9 คน ได้สอบสวนปากเสร็จแล้ว 2 คน และนัดสอบปากคำในวันเสาร์ที่ 28 ม.ค. อีก 4 คน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะโทรติดต่อผู้เสียหายว่าจะคืนเงินให้ ก็ยังมีความผิด พ.ร.บ.จัดหางาน มาตรา 91 “ผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่า สามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง” ซึ่งเป็นความผิดต่อรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหายและจะได้ประสานเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เข้าตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง น.ส.ซี ประธานสโมสร ผู้ถูกกล่าวหา แต่ไม่มีการรับสายแต่อย่างใด ส่วนทางด้าน ว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์เพิ่มเติมว่า ยังไม่ทราบละเอียดที่ชัดเจนมากนัก ต้องรอให้ทางตำรวจประสานข้อมูลมาให้ครบถ้วนก่อน หากผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง และหากไม่มีใบอนุญาตจัดหางาน ก็จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางาน มาตรา 91 ตรีมีโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ