กรมการแพทย์คาด “ยาโมลนูพิราเวียร์” ลอตแรกถึงไทย ธ.ค.นี้ เร่งสอบหนุ่มสระแก้วหิ้ววัคซีนจอห์นสันฯมาให้หมอคลินิกฉีด

ดีวันดีคืน โควิด-19 ในไทยลดต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ติดเชื้อใหม่ 7.5 พันคน ตายไม่ถึงครึ่งร้อย แต่ยังมีคลัสเตอร์ใหม่ไม่หยุด ทั้งจากงาน ศพ เลี้ยงวันเกิด วงสังสรรค์ ไปจนถึงสถานบันเทิงหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ด้านนายกฯปลื้มไทยฉีดวัคซีนได้มากติดอันดับ 18 ของโลก และอันดับ 3 ของอาเซียน ย้ำ สธ.ต้องสั่งยารักษาโควิดทั้ง “แพกซ์โลวิด-โมลนูพิราเวียร์” มาเสริมความเชื่อมั่น หลังผลวิจัยชี้ชัดช่วยลดความเสี่ยงนอน รพ.และลดเสียชีวิตได้ กรมการแพทย์คาดยาโมลนูพิราเวียร์ลอตแรกถึง ธ.ค.นี้ ขณะเดียวกันเร่งสอบกรณีหนุ่มสระแก้วหิ้ววัคซีนจอห์นสันฯมาให้หมอคลินิกฉีด ยันไม่พบการลักลอบนำเข้า แต่ยังไม่รู้เอาวัคซีนมาจากไหน ห่วงเป็นของปลอม

สถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยดีวันดีคืน เมื่อยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง จากกว่า 8 พันคน ลงมาที่ 7.5 พันกว่าคน แม้ยังพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) มาอย่างต่อเนื่อง

ติดเชื้อใหม่ลดลงอีกวัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 พ.ย. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ว่า ทิศทางการพบเชื้อและการเสียชีวิตลดลง ทั้งที่มีมาตรการผ่อนคลาย วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,592 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,871 คน จากเรือนจำ 711 คน มาจากต่างประเทศ 10 คน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุ มาจากสหรัฐ อเมริกา 1 คน เป็นหญิงไทย จากสหราชอาณาจักร 2 คน เป็นคนไทย 1 คน และหญิงชาวอังกฤษ 1 คนที่มาในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จากฝรั่งเศส รัสเซีย เบลเยียม และสหรัฐอเมริกา ประเทศละ 1 คน โดยมาในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 2 คน โครงการ Test&Go ภูเก็ต 1 คน และ Test&Go ชลบุรี 1 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,975,591 คน หายป่วยเพิ่ม 7,495 คน มียอดหายป่วยสะสม 1,857,463 คน อยู่ระหว่างรักษา 98,425 คน อาการหนัก 1,997 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 441 คน

ตายต่อเนื่องอีก 39 ศพ

สำหรับผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 39 คน เป็นชาย 24 คน หญิง 15 คน พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน จ.ยะลา 5 คน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 19,703 คน ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 278,059 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 80,499,612 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 43,990,610 ราย คิดเป็นร้อยละ 61.1 ของประชากร เข็มที่สอง 33,912,537 ราย คิดเป็นร้อยละ 47.1 และเข็มที่สาม 2,596,465 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.6

งานกฐิน-งานศพน่าห่วง

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 8 พ.ย. ได้แก่ กทม. 865 คน สงขลา 462 คน เชียงใหม่ 429 คน ปัตตานี 406 คน นครศรีธรรมราช 372 คน นราธิวาส 295 คน ยะลา 266 คน สมุทรปราการ 219 คน ชลบุรี 179 คน สุราษฎร์ธานี 179 คน อย่างไรก็ตาม คลัสเตอร์ที่ต้องระวังคือ คลัสเตอร์ทอดกฐินที่พบในหลายจังหวัด ประกอบด้วย ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ประจวบคีรีขันธ์ สตูล สิงห์บุรี กาญจนบุรี คลัสเตอร์งานศพพบที่กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี พัทลุง สงขลา คลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้างพบที่ กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น นครนายก จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา คลัสเตอร์สถานประกอบการพบที่ขอนแก่น สมุทร ปราการ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี พัทลุง คลัสเตอร์ตลาดพบที่เชียงใหม่ สุรินทร์ อุดรธานี พิษณุโลก จันทบุรี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สงขลา ทั้งนี้ หากดูการคาดการณ์การติดเชื้อหลังประเทศในฉากทัศน์สีเขียวกรณีประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี พบว่าปัจจุบันตัวเลขต่ำกว่าฉากทัศน์ดังกล่าว แต่ยังขอให้ประชาชนเข้มงวดมาตรการเช่นเดิม เพราะหากปล่อยปละละเลยจะทำให้ผู้ติดเชื้อ สูงขึ้นไปเป็นจำนวนหลายหมื่นเหมือนก่อนหน้านี้ได้

เข้าไทยกว่า 2 หมื่น ติดเชื้อ 20

พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-7 พ.ย.มีผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งสิ้น 22,832 คน พบผู้ติดเชื้อ 20 คน คิดเป็นร้อยละ 0.09 ประเทศที่เข้ามามากสุดผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ได้แก่ เยอรมนี 2,666 คน รองลงมาสหรัฐอเมริกา 2,665 คน สหราชอาณาจักร 1,475 คน ญี่ปุ่น 1,449 คน เกาหลีใต้ 987 คน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามตัวเลขดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมขอย้ำกับประชาชนว่าผู้ที่เดินทางเข้าราชอาณาจักร แบบไม่กักตัว ได้รับอนุญาตเข้ามาเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงทางสาธารณสุข เป็นการเปิดประเทศในสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดอยู่ แต่ขอให้ภาครัฐ ผู้ประกอบการ เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

ย้ำเปิดเรียนขึ้นอยู่กับพื้นที่

เมื่อถามถึงกรณีที่พบผลตรวจ ATK เป็นผลบวกลวงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ศบค. มีแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การประกาศของ ศบค. มีการระบุว่า การจะเปิด เปิดแค่ไหน เปิดอย่างไร จะต้องมีการตรวจ ATK ตรวจถี่หรือบ่อยแค่ไหน ขอให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดและการเฝ้าระวังความพร้อมของแต่ละพื้นที่

ปลื้มไทยฉีดวัคซีนอันดับ 18 โลก

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พอใจการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดในไทย มีสัญญาณดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงศักยภาพของสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการปรับมาตรการควบคุมโรคที่ได้ผล และประชาชนร่วมมือร่วมใจ ล่าสุดข้อมูลจากเว็บไซต์บลูมเบิร์ก ณ วันที่ 6 พ.ย. ระบุความคืบหน้าการฉีดวัคซีนทั่วโลก 184 ประเทศ ไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก และอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน อัตราการฉีดของไทยต่อวันประมาณ 6-8 แสนโดสต่อวัน ทำให้บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าไทยจะฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสครอบคลุมประชากรร้อยละ 75 ได้ภายใน 1 เดือน สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศแบบปลอดภัย ทั้งนี้ นายกฯยังสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดเจรจาสั่งซื้อยาแพกซ์โลวิดของบริษัทไฟเซอร์ และโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค เป็นคิวแรกๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตปกติสุขโดยเร็ว

พอใจผลเปิดประเทศ 7 วัน

นายธนกรกล่าวอีกว่า รัฐบาลประเมินหลังเปิดประเทศครบ 7 วัน สถานการณ์เป็นที่น่าพอใจ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้ตรวจพบเชื้อโควิดเพียง 15 คน อยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ นอกจากนี้ ประชาชนและนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นต่อการเปิดประเทศและแนวทางอื่นของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ททท.คาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 300,000 คน ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ประเทศและกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศมีมากขึ้น ราคาสินค้าจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว นายกฯกำชับฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงแรงงาน ให้ดำเนินการจริงจัง ต่อเนื่อง และขอให้ผู้ประกอบการทำให้ถูกกฎหมาย

เผยผลวิจัย 2 ยารักษาโควิด

ต่อมาที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ แถลงถึงยารักษาโควิด-19 โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) และยาแพกซ์โลวิด (PAXLOVID) ว่าทั้ง 2 ชนิด เป็นยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน ที่มีกลไกยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส เพียงแต่ออกฤทธิ์ต่างกันคนละที่ แต่ยาแพกซ์โลวิดต้องรับประทานคู่กับยาริโทนาเวียร์ ข้อมูลวิจัยเบื้องต้นยา 2 ชนิด ลดความเสี่ยงนอน รพ. ลดการเสียชีวิต ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ 385 คน กินยาขนาด 200 มก. วันละ 2 เวลา นาน 5 วัน รวม 40 เม็ด ลดความเสี่ยงนอน รพ.ร้อยละ 50 ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่คนกินยาหลอก 377 คน พบเสียชีวิต 8 คน ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาแพกซ์โลวิดในกลุ่มตัวอย่าง 389 คน กินขนาด 150 มก. 2 เม็ด คู่กับยาริโทนาเวียร์ ขนาด 100 มก. 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง นาน 5 วัน รวมใช้ยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ด บวกกับยาริโทนาเวียร์ 10 เม็ดต่อคน พบกินภายใน 3 วันหลังเริ่มมีอาการ ลดความเสี่ยงนอน รพ. และลดเสียชีวิตร้อยละ 89 ทั้ง 2 ชนิดไม่สามารถเปรียบเทียบตัวไหนดีกว่ากัน เนื่องจากเป็นการวิจัยคนละกลุ่มตัวอย่าง ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นยายับยั้งเชื้อไวรัส แต่ไม่ได้เป็นยาที่เจาะจงต่อเชื้อโควิด-19 โดยตรง

ยังห้ามใช้กับคนบางกลุ่ม

นพ.อรรถสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ยาทั้ง 2 ตัว ใช้ได้ดีในคนที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง และเป็นกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง อาทิ โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ เบาหวาน อ้วน เป็นต้น ส่วนข้อห้ามใช้นั้น เหมือนยาทั่วๆไป คือยังไม่แนะนำในคนที่มีความผิดปกติของตับรุนแรง ไตรุนแรงเอชไอวีที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมากๆ เนื่องจากยังไม่ได้มีการศึกษาวิจัยในกลุ่มนี้ ส่วนการคาดการณ์จำนวนยาที่จะใช้ในประเทศไทย คงคำนวณจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน เช่น หากมี 1 หมื่นรายต่อวัน คาดว่าจะมีกลุ่มเสี่ยงต้องใช้ยานี้ประมาณร้อยละ 10 หรือ 1,000 คนต่อวัน

คาดยาโมลนูฯเข้ามา ธ.ค.

ส่วนความคืบหน้าการจัดหายาทั้ง 2 ตัว นพ.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 พ.ย. จะมีการเสนออนุมัติงบประมาณจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ และคาดว่าจะนำเข้าประเทศไทยได้ปลาย ธ.ค.2564 หรือ ม.ค.2565 ส่วนยาแพกซ์โลวิด กรมการแพทย์หารือกับบริษัทไฟเซอร์มาเป็นระยะก่อนผลการวิจัยจะออกมา จะหารืออีกครั้งวันที่ 12 พ.ย.นี้ คู่ขนานไปกับไฟเซอร์ที่กำลังขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ส่วนราคาเป็นเรื่องที่ยังตอบไม่ได้ แต่ราคาขายให้กับประเทศกำลังพัฒนาน่าจะถูกกว่าประเทศมหาอำนาจ

อึ้งหนุ่มหิ้ววัคซีนจอห์นสันมาให้ฉีด

ส่วนกรณีชายชาวสระแก้วนำวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไปให้คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ฉีดให้นั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ว่า กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อ ต.ค.2564 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สระแก้ว พบว่า มีผู้นำใบรับรองแพทย์การฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ จากคลินิกเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดมาขอวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) แต่ไม่พบข้อมูลการฉีดใน MOPH IC จึงไม่ได้ออกวัคซีนพาสปอร์ตให้ ถือว่าไม่ได้รับการฉีดจากภาครัฐ จึงให้ สสจ.ลงไปตรวจสอบคลินิกเอกชนดังกล่าว แพทย์ยอมรับว่ามีการฉีดจริงโดยอ้างว่าคนไข้นำมาให้ฉีด ไม่มีการจำหน่าย เป็นลักษณะที่คนไข้ไปซื้อจากไหนไม่รู้แล้วหิ้วมาให้หมอฉีด โดยเก็บค่าฉีด 2 พันบาท และไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นวัคซีนปลอมหรือไม่ แต่น่าจะเป็นการแอบอ้างแล้วถือมาให้หมอฉีดให้ ซึ่งเกิดจากการพบโดยบังเอิญเป็นกรณีแรก และยังไม่มีการร้องเรียนอะไรเพิ่มเติม ส่วนการที่แพทย์ฉีดวัคซีนให้คนไข้สามารถทำได้ เพราะแพทย์มีประกอบโรคศิลปะ มีดุลพินิจที่จะฉีดให้ แต่ตักเตือนไปแล้วให้ระมัดระวัง ขณะเดียวกันจะตั้งคณะกรรมการสอบหาว่า วัคซีนดังกล่าวมาจากที่ไหน

ไม่พบลอบนำเข้าวัคซีน

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรม ควบคุมโรค กล่าวว่า การฉีดวัคซีนใดก็ตามต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น สำหรับวัคซีนโควิด-19 จอห์นสันฯได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว ที่ผ่านมาสถานทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย นำเข้าวัคซีนจอห์นสันฯถูกต้องตามกฎหมายเพื่อฉีดให้ประชากรฝรั่งเศสที่พำนักในไทย กรณีที่เกิดขึ้นใน จ.สระแก้ว ตรวจสอบเบื้องต้น ผู้ที่ฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ รายดังกล่าวไปติดต่อขอรับใบรับรองแพทย์กับทางจังหวัด โดยอ้างว่าฉีดมาจากคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว สสจ.สระแก้ว ตรวจสอบแล้วไม่พบมีการลักลอบนำเข้าวัคซีนผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

นำเข้าวัคซีนเองก็ผิด ก.ม.

ขณะที่ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาฯ อย. กล่าวว่าแม้ว่าวัคซีนนั้นได้รับทะเบียนแล้ว แต่ผู้นำเข้าไม่ใช่คนที่ได้รับอนุญาตก็ถือว่าผิดกฎหมาย จะประสานไปที่ สสจ.สระแก้ว ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นห่วงคนที่ไปฉีด ไม่รู้ว่าเป็นวัคซีนของจริงหรือไม่ ที่ผ่านมายังไม่พบการลักลอบนำเข้าวัคซีนในประเทศ แต่การเอาเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิด พ.ร.บ.ยา มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท

โรงเรียนอย่าซื้อชุดตรวจเอง

วันเดียวกัน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลตรวจ ATK โรงเรียนคําสร้อยพิทยาสรรค์ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ที่จากเป็นบวกแต่เมื่อตรวจแบบ RT-PCR แล้วเป็นลบว่า จากบทเรียนดังกล่าวได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำหนังสือแจ้งทำความเข้าใจสถานศึกษาทุกแห่ง หากโรงเรียนมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ให้ประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดมาตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจที่เป็นมาตรฐาน ไม่อยากให้สถานศึกษาจัดหาซื้อชุดตรวจเอง เพราะอาจไม่ได้มาตรฐานตามที่คณะกรรมการอาหารและยากำหนด (อย.)

กทม.เริ่มปักไฟเซอร์เข็มสอง

ส่วนที่โรงเรียนสามเสนนอก นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าฯ กทม. ตรวจเยี่ยมการให้วัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในสังกัดกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.64 โดยวันที่ 8 พ.ย. มีจุดฉีดวัคซีน 8 จุด ทั้งนี้ กทม.มีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายในสังกัดทั้งหมด 37,466 คน ประสงค์ฉีดวัคซีน จำนวน 34,287 คน คิดเป็นร้อยละ 92 แบ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 4,152 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 3,502 คน คิดเป็นร้อยละ 84 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 30,135 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 27,039 คน คิดเป็นร้อยละ 90

ยะลาติดเชื้อใหม่ลด

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศ มีแนวโน้มดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 6 ภาคใต้ หลายจังหวัดผู้ป่วยรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง โดย จ.ยะลาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 266 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3 ศพ เป็นชายอายุ 82 79 และ 29 ปี รายหลังเป็นผู้ต้องขังเรือนจำกลางยะลา อีกด้านหนึ่ง น.ส.วารุณี ลิ้มตระกูล ปลัดอำเภอยะหา รรท.นอภ. ไปเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 ที่ ต.บาโระ ซึ่งมีอาการแขน-ขาอ่อนแรง แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชยะหา ขณะนี้ผู้ป่วยขยับแขนขาได้แล้ว

ธ.ค.เมืองคอนฉีดวัคซีนเต็มร้อย

ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนของ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ที่โรงละคร อบจ.นครศรีธรรมราช สนามหน้าเมือง ว่าสาธารณสุขมีวัคซีนพร้อมหมดแล้วยังไม่ได้ขาด แต่ความสามารถในการฉีดอาจจะไม่ทันในการฉีดวัคซีน โดยที่นครศรีธรรมราชขาดอีก 7 แสนกว่าคน จะรีบจัดวัคซีนมาให้ฉีดให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในวันที่ 10 ธ.ค.นี้แน่นอน ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลครบหมดทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และอย่าไปสนใจว่าเป็นวัคซีนอะไรเป็นวัคซีนที่ดีหมดทุกยี่ห้อ วัคซีนช่วยลดความรุนแรงต่างๆได้เยอะ ขอให้ประชาชนมาฉีดวัคซีนกันเยอะๆ อย่ากลัววัคซีน

ย้ำยาฟาวิฯยังเอาอยู่

นายอนุทินยังกล่าวถึงยารักษาโรคโควิด-19 ด้วยว่า สำหรับตัวยารักษาโควิดทุกวันนี้ เป็นยาที่ดีอยู่แล้ว คือฟาวิพิราเวียร์ เราติดเชื้อไป 2 ล้านคนหายไปแล้ว 1.8 ล้านคน เพราะฟาวิพิราเวียร์ยังดีอยู่ อย่าไปอ่านโฆษณามาก ฟาวิพิราเวียร์ดีอยู่แล้ว และประหยัดงบประมาณด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามียาที่เป็นที่รู้จักทั่วไปและเข้ามาขึ้นทะเบียนกับ อย.และดูแล้วมีสรรพคุณที่รักษาโควิดได้ กระทรวงสาธารณสุขก็ซื้อไว้เพื่อรักษาความมั่นใจและรักษาความมั่นคงในเรื่องเวชภัณฑ์ตลอดเวลา แต่เรามียาของดีอยู่แล้วก็ยังใช้ต่อไป อย่ากังวล ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์ หรือยาอื่นๆที่เกี่ยวข้องเราก็ซื้อ แต่เราไม่ได้ซื้อแบบไม่ลืมหูลืมตา จนกว่าจะเกิดเชื้อดื้อยา แล้วยาเก่ารักษาไม่ได้ เราค่อยหาวิธีเปลี่ยนยาเพื่อดูแลประชาชนต่อไปได้ไม่ต้องห่วง มีทางเลือกอยู่หลายทางเลือกที่เรามั่นใจว่าเราไม่ขาดยารักษาโควิด และวัคซีนก็ช่วยแทนยาได้เยอะ

คลัสเตอร์ใหญ่ผุดเชียงราย

ขณะเดียวกัน ในภาคเหนือกลับพบผู้ติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ จ.เชียงราย ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) จ.เชียงราย สสจ.เชียงราย รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มนักศึกษาพื้นที่หน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย เพิ่มขึ้น ทำให้ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในจุดนี้กว่า 76 คน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 264 คน มีการนำผู้ติดเชื้อมีอาการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และอยู่ภายในสถานคัดแยกในชุมชน จากการสอบสวนโรคทราบว่าเกิดจากมีสถานบันเทิงหลายแห่งหน้ามหาวิทยาลัยเปิดให้บริการ มีผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯเข้าไปใช้บริการเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา และเริ่มพบอาการป่วยครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พ.ย. เจ้าหน้าที่ขยายผลกลุ่มผู้ป่วยมาจากผู้สัมผัสในสถานบันเทิง 188 คน พบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 คน และในกลุ่มผู้ที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง 76 คน พบมีผู้ติดเชื้อ 71 คน รวมมีผู้ติดเชื้อ 76 คนดังกล่าว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามผู้ป่วยและผู้สัมผัสรวมถึงกักกันกลุ่มเสี่ยงสูงเพื่อดูอาการ 14 วัน นอกจากนี้ ยังพบคลัสเตอร์ในโรงงานแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เมืองเชียงราย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติ โดยพบผู้ติดเชื้อ 18 คน เจ้าหน้าที่ ศปก. อ.เมืองเชียงราย ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย เข้าไปควบคุมโรค และเนื่องจากเป็นสถานที่ปิดทำให้ไม่พบผู้ป่วยภายนอกเพิ่มเติม

เชียงใหม่ปิด 4 จุดเสี่ยง 4 อำเภอ

ส่วน จ.เชียงใหม่ ที่ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด มาอย่างต่อเนื่อง ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่ ณ วันที่ 8 พ.ย.อีก 374 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ศพ นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ มีคำสั่งปิดอีก 4 สถานที่เสี่ยงใน 4 อำเภอ หลังพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน ได้แก่ พื้นที่หย่อมบ้านไทใหญ่ หลังวัดเวฬุวัน หมู่ที่ 3 ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม ตลาดสามแยก ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย พื้นที่แคมป์คนงานศูนย์อาชีวศึกษา หมู่ที่ 11 ตำบลยุหว่า อ.สันป่าตอง และล้งส้มเจ๊แอร์ ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง

ติดเชื้อจากวงกินข้าวงานศพ

ขณะที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์เช่นกัน โดยที่ จ.กาฬสินธุ์ มีคลัสเตอร์ต้องเฝ้าระวังได้แก่ งานศพในพื้นที่ชุมชนบ้านบัวขาว ม.12 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จากการสอบสวนโรคในชุมชนดังกล่าวมีการจัดงานศพตามประเพณี เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีญาติและเพื่อนบ้านมาร่วมงาน กระทั่งวันที่ 3 พ.ย.มีชาวบ้านในพื้นที่เป็นไข้ไม่สบายเข้าไปรักษาและตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จากการสอบสวนโรคพบว่าได้ไปร่วมงานศพดังกล่าว และในระหว่างการจัดงานศพมีญาติผู้เสียชีวิต มาจากพื้นที่เสี่ยง เช่น จ.ระยอง และกรุงเทพฯมาร่วมงานก่อนจะกลับไปตรวจพบเชื้อ จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนโรคและตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงใน 8 ชุมชนกว่า 300 คนส่วนใหญ่เป็นผู้ไปร่วมงานศพ และเป็นบุคคลใกล้ชิดกับผู้ที่ไปร่วมงาน เบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อแล้ว 24 คน คาดว่าน่าจะเกิดจากการร่วมงานศพแล้วรับประทานอาหารร่วมกัน

เลี้ยงวันเกิดทำทารก 1 เดือนป่วย

ส่วน จ.ร้อยเอ็ด พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 31 คน ในจำนวนนี้พบคลัสเตอร์จากการจัดงานวันเกิดในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ดอกล้ำ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 17 คน โดยพบผู้ติดเชื้อที่มีอายุน้อยที่สุด อายุ 1 เดือน และอายุมากสุด 67 ปี พบการแพร่ระบาดใน 3 ครอบครัว เบื้องต้นสาธารณสุขอำเภอปทุมรัตได้ทำการสอบสวนโรคเพื่อคัดกรอง บุคคลกลุ่มเสี่ยงสูง ส่วนที่ อ.เมืองร้อยเอ็ด พบเพิ่ม 7 คน โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือการไปร่วมงานกฐินที่ จ.บุรีรัมย์

คลัสเตอร์วงสังสรรค์มาไม่หยุด

สำหรับ จ.นครราชสีมา แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงต่อเนื่องคือ 64 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 ศพ เป็นชาย อายุ 68 ปี ชาว ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ยังมี 5 คลัสเตอร์ ทั้งของเดิมและคลัสเตอร์ใหม่ที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ คลัสเตอร์โรงงานในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา ผู้ป่วยรายใหม่เป็นต่างด้าว 66 คน คนไทย 2 คน คลัสเตอร์กิจกรรมสังสรรค์ อ.ปากช่อง พบติดเชื้อ 17 คน เป็นรายใหม่ 7 คน ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ ได้แก่ กลุ่มกินข้าวสังสรรค์เครือญาติบ้านค้างพลูใต้ หมู่ 3 ต.ค้างพลู อ.โนนไทย พบผู้ติดเชื้อ 14 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในชุมชน 77 คน คลัสเตอร์เครือญาติบ้านบึงพระ หมู่ 10 ต.บ่อปลาทอง อ.ปักธงชัย พบติดเชื้อ 13 คน เป็นเครือญาติกัน และคลัสเตอร์บริษัท กู๊ดบิวดิ้ง ดีไซด์ บ้านคอหนองบัว หมู่ 3 ต.หนองไข่น้ำ อ.เมืองนครราชสีมา พบผู้ป่วย 4 คน จากพนักงานทั้งหมด 38 คน

ร.ร.นิคมคำสร้อยเปิดเรียนปกติ

ส่วนที่ จ.มุกดาหาร พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5 คน โดยมีคลัสเตอร์ใหญ่คือคลัสเตอร์ตึกอายุรกรรม รพ.มุกดาหาร พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 30 คน ส่วนบรรยากาศเปิดเรียน on site วันแรกที่โรงเรียนคำสร้อยพิทยาสรรค์ หลังจากที่เกิดเหตุผลตรวจ ATK ทำพิษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงเช้า รถรับส่งนักเรียนและผู้ปกครองพาบุตรหลานมาส่งที่หน้าโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง จากการสอบถามนักเรียนชั้น ม.1 อายุ 12 ปี ระบุว่า มาโรงเรียนวันนี้ไม่รู้สึกกังวลเพราะมั่นใจในโรงเรียน ขณะที่ผู้ปกครองก็มั่นใจเช่นกัน เช่นเดียวกับนายบุญสรวง บุญมานันท์ อายุ 44 ปี ผู้ปกครองเด็กชั้น ม.1 กล่าวว่า ไม่รู้สึก กังวลเท่าไรแล้ว แต่อยากฝากบอกทางโรงเรียนว่ากิจกรรมไหนที่เป็นความเสี่ยงน่าจะงด เช่น กิจกรรม หน้าเสาธง เด็กมาแล้วเมื่อคัดกรองเสร็จ อยากให้เข้าห้องไปเรียนเลย เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ

ออสซีเริ่มฉีดเข็มกระตุ้น

ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก ที่แนวโน้มเริ่มดีเช่นกัน และประเทศออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นให้ประชาชนตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. หลังจากนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี ประกาศบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนครบโดสให้แก่ประชาชนถึงร้อยละ 80 เมื่อ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยจะใช้วัคซีนของไฟเซอร์เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เกิน 6 เดือน ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำสุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยยอดผู้ติดเชื้อสะสม 181,617 คน และมีผู้เสียชีวิต 1,827 คน ส่วนที่สิงคโปร์และมาเลเซียประกาศเปิดเส้นทางการบินระหว่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดส (VTL) ระหว่างสนามบินนานาชาติสิงคโปร์ชางงี และสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซียให้นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ชาติเดินทางเข้าประเทศทางอากาศโดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่ 29 พ.ย. ก่อนหน้านี้สิงคโปร์ประกาศโครงการ VTL กับ 13 ประเทศ อาทิ บรูไน เยอรมนี ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น