จับตาพายุอีก 2 ลูก “ไลออนร็อก-คมปาซุ” ลุ้นพัดเข้าไทย 11-13 ต.ค. หวั่นซ้ำรอยพายุเตี้ยนหมู่

จับตาพายุอีก 2 ลูก ‘ไลออนร็อก-คมปาซุ’ ลุ้นพัดเข้าไทย 11-13 ต.ค. เผยจังหวัดได้รับผลกระทบ อีสานโดนหนัก หวั่นซ้ำรอยพายุเตี้ยนหมู่

วันที่ 5 ต.ค.64 นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือทีมกรุ๊ป ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เปิดเผยว่า แม้พายุเตี้ยนหมู่จะบรรเทาลงแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงร่องฝนตามฤดูกาล ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคอีสานเหนือและภาคกลาง น้ำลดลงได้ช้า จากการคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมจากแบบจำลองมองไปข้างหน้า 7 วัน พื้นที่จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี เริ่มลดลง จ.อ่างทองจะลดช้า เพราะมีพื้นที่ลุ่มต่ำ และต้องเฝ้าระวังพื้นที่อ.บางบาล อ.บางไทร จ.พระนครอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และกรุงเทพฯ จะมีน้ำสูงขึ้น 15-30 ซ.ม.

นายชวลิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าจับตาพายุที่จะพัดเข้ามในประเทศไทยอีก 2 ลูก ในช่วงเดือนต.ค. ลูกแรกจะเข้ามาช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. ชื่อพายุไลออนร็อก พัดมาจากฟิลิปปินส์ผ่านไหหลำ เข้าเมืองวินห์ประเทศเวียดนาม เข้าไทยพื้นที่จังหวัดอีสานเหนือ ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ อุดรธานี สกลนครบางพื้นที่ และเลย จะต้องระมัดระวังเรื่องน้ำที่ระบายช้า

นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่อยู่ติดแม่น้ำโขงไม่น่าห่วง เพราะระบายลงแม่น้ำโขงได้ แต่พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณแม่น้ำสงครามและท่าอุเทน จะท่วมนาน ส่วนอ.เมืองนครพนม และจ.บึงกาฬ จะระบายน้ำลงแม่น้ำโขงได้ ส่วนหนองคายอาจระบายช้า เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ขณะที่จ.อุดรธานีต้องระมัดระวังตัวเมือง ระบายน้ำไม่ทัน

นายชวลิต กล่าวอีกว่า อีกลูกเป็นพายุหมายเลข 18 ชื่อ คมปาซุ ช่วงวันที่ 13-16 ต.ค.จะผ่านเข้าประเทศไทยทางจังหวัดอีสานเหนือ แต่อาจจะมาไม่ถึงจ.เพชรบูรณ์และจ.ลพบุรี ต้องรอดดูผลกระทบที่ประเทศฟิลิปปินส์ว่ารุนแรงแค่ไหน หากรุนแรงจะมาถึงลุ่มแม่น้ำป่าสัก จ.พระนครศรีอยุธยา ซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วมเดิม