“ตท.22” กระชับแผงคุมอำนาจ ยึด 3 เหล่าทัพ

เบ็ดเสร็จทุกเหล่าทัพ ทั้ง กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ร้อนแรง ต่อจาก จปร.5 และ ตท.6 ที่ผงาดยึดเก้าอี้ผู้นำยกรุ่น ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ รัฐประหารตามมา

หรือแม้กระทั่งสมัย นายทักษิณ ชินวัตร เรื่องอำนาจในเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” ก็หวัง ปัน ตท.10 เข้าคุม กองทัพ และตำรวจ แต่ไปไม่ถึงฝัน เมื่อถูกกำลังทหารเข้ายึดอำนาจก่อน

เมื่อตัดภาพ “กองทัพ” ในยุคนี้ ต้องถือว่าทิศทางประเทศไทย ในด้านความมั่นคง จากนี้ไปจะอยู่ภายใต้อำนาจ “ตท.22” ที่ได้เข้ากระชับยึดทุกเก้าอี้ และพร้อมกำหนด มิติความสงบสุขของชาติให้ก้าวเดินเพื่อหยุดความขัดแย้ง

โดยเฉพาะปัญหาที่ท้าทายทั้งการเมืองภายในประเทศที่กำลังร้อนแรง เศรษฐกิจที่รอการเยียวยา ความขัดแย้งภายในรุมเร้า ปัญหาชายแดนรอบบ้าน ทุกอย่างอยู่ในมิติด้านความมั่นคง ความสงบสุข และการรักษาอธิปไตยชาติ จึงต้องจับตาดูการบริหารงานนับจากนี้ เพราะจะเป็นบทพิสูจน์ขุมกำลัง และพลัง “กองทัพไทย” ภายใต้รหัส 2238

ขณะที่หัวขบวนรุ่น ยังนำทัพโดย “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ที่จะนั่งเก้าอี้คุมรั้วสีเขียว เป็นปีที่ 3 และจะเกษียณราชการใน ต.ค. 2566 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้วางตัวเป็นกลาง ไม่นำพา “กองทัพบก” ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยให้กำลังพลอยู่ในกรมในกอง และประกาศตลอดว่า โอกาสปฏิวัติเป็น “ศูนย์” หากไม่มี “เงื่อนไข” ขอทุกฝ่ายช่วยกันลดเงื่อนไข พร้อมยืนยันทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมรุ่น ตท.22 ขยับสู่แผงอำนาจตามมาทั้ง “บิ๊กจ๊อด” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผช.ผบ.ทบ. ที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “แม่ทัพเรือ” และ “บิ๊กตุ๊ด” พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ. ซึ่งแซงทางโค้ง ผงาดขึ้นนั่งเก้าอี้ “แม่ทัพฟ้า” รวมถึงนายทหารหลายคนในรุ่นได้ขยับสู่ตำแหน่งสำคัญทั้ง 3 เหล่าทัพ รวมถึงกองบัญชาการทัพไทย และสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อนเกษียณราชการจำนวนมาก

โดยโผโยกย้ายทหาร หลังได้ผ่านขั้นตอนการประชุม “บอร์ดกลาโหม” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ในฐานะประธานสภากลาโหม จนลงตัวทุกตำแหน่ง และได้รับการยืนยันจาก “ผบ.เหล่าทัพ” ตามรายชื่อที่ส่งไป พร้อมเซ็นกำกับตามที่เสนอ

โดยในส่วน “กองทัพบก” พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้จัดวางตัว ขยับ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผช.ผบ.ทบ. (ตท.23) ทหารเสือราชินีคอแดง สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ขึ้นเป็น “รอง ผบ.ทบ.” พร้อมดัน “บิ๊กโต” พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.23) ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ น้องรักอีกราย ขึ้นเป็น “ผช.ผบ.ทบ.” ซึ่งทั้ง 2 เป็นเพื่อนร่วมรุ่น (ตท.23) และเกษียณราชการในปี 2567 โดยในปีหน้าทั้งคู่จะเป็น “คู่ชิง” ในตุลาคมปีหน้า (66)

ขณะตำแหน่งอื่น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้โยก “บิ๊กเบิ้ม” พล.ท.ภูวนาท ชมพูบุตร รองเสธ.ทบ. (ตท.22) ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. เพื่อดูแลงานสายส่งกำลังบำรุง พร้อมดัน “บิ๊กหยอย” พล.ท.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก (ตท.24) ขึ้น เสธ.ทบ. ปาดหน้าแซง “บิ๊กเกรียง” พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่เพิ่งประสบเหตุ ฮ.ตก ระหว่างเดินทางปฏิบัติหน้าที่ ยังคงนั่งทำหน้าที่ตำแหน่งเดิมอีก 6 เดือนก่อนขยับขึ้นเป็น “พลเอก” ก่อนเกษียณ

สำหรับ กองทัพเรือ “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. ที่กำลังจะเกษียณ 30 ก.ย. 65 ดันน้องรัก “บิ๊กจ๊อด” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผช.ผบ.ทร. (ตท.22) ขึ้นเป็น “ผบ.ทร.” พร้อมส่งแคนดิเดต “บิ๊กโต้ง” พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. (ตท.21) ข้ามห้วยไปเป็น “รองปลัดกลาโหม” ถืออกหักเป็นปีที่ 2 และเป็นครั้งสุดท้าย เพราะ “บิ๊กโต้ง” มีความอาวุโสทั้งรุ่น และการครองยศ แต่การที่ถูกมองว่าเป็นทายาทอำนาจของ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ที่เป็นคู่ขัดแย้ง จึงถูก พล.ร.อ.สมประสงค์ เขี่ยออกนอกกองทัพ และไม่สนับสนุนให้เป็น ผบ.ทร.

ขณะที่ “บิ๊กแจ๊ค” พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. (ตท.23) ได้ขยับขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร. เตรียมเกษียณในปีหน้า 2566 พร้อมกับ พล.ร.อ.เชิงชาย โดยมี “บิ๊กวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ตท.25 ขยับเป็น ผช.ผบ.ทร. และ “บิ๊กโอ๋” พล.ร.ท.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ (จก.ยศ.ทร.) ตท.23 ขึ้นเป็น เสธ.ทร. พร้อมดัน “บิ๊กดุง” พล.ร.ท.อะดุง พันธุ์เอี่ยม เจ้ากรมสื่อสาร ทร. (ตท.23) เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ

ซึ่งคาดว่าในปีหน้าการชิงตำแหน่ง “ผบ.ทร.” ในกองทัพเรือ จะดุเดือด เพราะทั้ง พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ที่จะเกษียณในปี 2568 พล.ร.ท.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ จะเกษียณในปี 2568 และ พล.ร.ท.อะดุง พันธุ์เอี่ยม เกษียณในปี 2567 คงได้แข่งขันวัดกันที่ผลงาน และกำลังภายใน โดยมีตัวสอดแทรกอย่าง
“บิ๊กน้อย” พล.ร.ท.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.ทร. (ตท.24) ที่ได้ผลักดันขยับเป็น หัวหน้าฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา อัตราพลเรือเอก ก็อยู่ในข่ายที่ห้ามกะพริบตา เพราะเกษียณ 2569

ส่วน กองทัพอากาศ ถือว่าฟ้าผ่าอีกครั้ง เมื่อโผพลิกล็อกในช่วงท้าย ก่อนส่งไปยังมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม “บิ๊กป้อง” พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ได้เขย่าโผทัพฟ้าใหม่ โดยได้เปลี่ยนจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รองผบ.ทอ. (ตท.22) ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษา เครื่องบินขับไล่ F-35 ที่ชื่อเต็งจ๋าก่อนเข้าประชุมใน 7 เสือกลาโหม สุดท้ายมีการเปลี่ยนชื่อเป็น “บิ๊กตุ๊ด” พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ. ผงาดขึ้นครอง”ทัพฟ้า” นั่งตำแหน่ง “ผบ.ทอ.” พร้อมกับดัน พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ ข้ามห้วยเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม

เช่นเดียวกับ “บิ๊กต้น” พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คอป. (ตท.22) ที่มีชื่อแรงในช่วงต้น และเป็นน้องรัก พล.อ.อ.นภาเดช ธูปเตมีย์ ผบ.ทอ. สุดท้ายโดนโยกไปเป็น รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รองผบ.ทสส.)

โดยมี “บิ๊กหนึ่ง” พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา ผช.ผบ.ทอ. (ตท.23) ขึ้นเป็น รองผบ.ทอ. “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธภักดี พัฒนกุล เสธ.ทอ. (ตท.24) เป็น ผช.ผบ.ทอ. และดัน “บิ๊กจ๋า” พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทรสาร ที่ปรึกษาพิเศษ ทอ. (ตท.23) ข้ามเป็น ผช.ผบ.ทอ. และส่ง “บิ๊กณะ” พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ ที่ปรึกษาพิเศษ ทอ. (ตท.23) ขึ้นเป็น เสธ.ทอ.

โดยมีสัญญาใจระหว่าง พล.อ.อ.นภาเดช กับ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ว่าหากปีหน้า พล.อ.อ.อลงกรณ์ เกษียณราชการจะส่งไม้ผบ.ทอ.ให้ พล.อ.อ.ณรงค์ ก้าวขึ้นเป็น “แม่ทัพฟ้า” ต่อนั่นเอง

เมื่อข้ามดู กองบัญชาการกองทัพไทย “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ตท.21 ในฐานะพี่ใหญ่แห่งกองทัพไทย ที่จะนั่งเก้าอี้เป็นปีสุดท้าย ได้จัดแถวกองทัพไทยโดยมี “บิ๊กอ๊อฟ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี หน.ฝสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา (ตท.24) ถูกส่งข้ามจาก ทบ. มาเป็น รองผบ.ทสส. และขยับ “บิ๊กบุ๋ม” พล.อ.สุวิทย์ เกตุศรี ผอ.ศปร. (ตท.23) ขึ้นเป็น รองผบ.ทสส. พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ รองเสธ.ทร. (ตท.22) ขึ้นเป็น รองผบ.ทสส. “บิ๊กต้น” พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คอป. ข้ามมาเป็น รองผบ.ทสส. และ “บิ๊กจ่อย” พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง รองเสธ.ทหาร (ตท.24) ขึ้นเป็น เสธ.ทหาร

ส่วน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.24) ขึ้นเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.นุชิต ศรีบุญส่ง ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน (ผอ.สนผ.) ตท.24 ขึ้นเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สิทธิพร มุสิกะสิณ ผู้ทรงคุณพิเศษ ทบ. (ตท.22) ข้ามจาก ทบ.มาเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กโต้ง” พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. (ตท.21) ข้ามไปเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กป้อม” พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รองผบ.ทอ. (ตท.22) ข้ามมาเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม

อย่างไรก็ตามการแข่งขัน ความขัดแย้ง เพื่อช่วงชิงก้าวสู่ตำแหน่งจะหยุดทันทีหลังมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา และทหารทุกคนก็จะเข้าสู่มิติเดินหน้าทำงาน ทำงาน และทำงาน เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป.

ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว

กราฟิก : Chonticha Pinijrob