ตร.ระดมล่า 2 มือปืนฆ่า “หนุ่มแคนาดา” ยัน! เป็นแก๊งมาเฟีย “ยูเอ็น” เคยถูกทางการอินเดียจับเพราะตั้งโรงงานผลิตยาเค

ตำรวจทุกหน่วยระดมล่า 2 มือปืนฆ่าหนุ่มแคนาดา ยันชื่อจริง “จิมมี่ ซานดู” เป็นแก๊งมาเฟีย “ยูเอ็น” ในแคนาดา เคยถูกทางการอินเดียจับเพราะตั้งโรงงานผลิตยาเค และยังพัวพันคดีฆ่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียคู่อริ ส่วนมือปืนคาดเป็นชาวรัสเซีย หลังพยานโผล่ให้ข้อมูลขณะคนร้ายลงมือคุยกันเป็นภาษารัสเซีย เชื่อชนวนเหตุเป็นการสั่งตายข้ามประเทศ ล้างแค้นที่เหยื่อฆ่าสมาชิกแก๊งมาเฟียฝ่ายตรงข้ามและโกงแก๊งมาเฟีย ตำรวจ บช.ภ.8 ประสานตม.จับตาบุคคลสัญชาติรัสเซีย อินเดียและแคนาดา ทุกสนามบินทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ เกรงคนร้ายหลบหนีออกนอกประเทศ ผบ.ตร.เตรียมลงพื้นที่พร้อม “บิ๊กใหม่” “บิ๊กโจ๊ก” ประชุมตำรวจชุดคลี่คลายคดีแกะรอยล่ามือปืน ขณะที่สื่อแคนาดา แฉประวัติเหยื่อละเอียดยิบ

ตำรวจระดมกำลังไล่ล่า 2 มือปืนฆ่าโหดนายซิงห์ แมนดีฟ อายุ 32 ปี ชาวแคนาดา ฉวยจังหวะลงมือขณะเหยื่อขับรถยนต์เอ็มจีสีแดง ทะเบียนป้ายแดง ก-7221 ภูเก็ต เข้ามาจอดหน้าวิลล่าเอ เดอะบีช ฟรอนต์ โฮเทล ภูเก็ต หมู่ 5 ถนนวิเศษ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เป็นวิลล่าหรูติดหาดราไวย์ คนร้ายวิ่งออกจากพุ่มไม้เข้าประชิด กระหน่ำยิงด้วยปืน .380 และปืน 9 มม. จนพรุนร่วม 20 นัดแล้ววิ่งหลบหนีไปตามแนวชายหาด เหตุเกิดสี่ทุ่มครึ่งวันที่ 4 ก.พ. แต่คนทำความสะอาดมาพบศพในตอนเช้า สอบสวนพบว่าผู้ตายเดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 27 ม.ค. และเพิ่งมาเปิดวิลล่าที่เกิดเหตุได้แค่ 2 วัน เชื่อว่าคนร้ายอาจเป็นชาวต่างชาติ รู้ความเคลื่อนไหวมาดักรอสังหาร ล่าสุดคดีส่อเค้าเป็นการสั่งตายข้ามประเทศ สาเหตุจากปมขัดแย้งระหว่างแก๊งอาชญากรในประเทศแคนาคา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่ห้องปฏิบัติการส่วนหน้าคลี่คลายคดีฆ่านักท่องเที่ยวแคนาดา ในเดอะบีชฟรอนต์โฮเทล ภูเก็ต พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต ร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเพื่อสรุปความคืบหน้า และแบ่งงานให้ชุดสืบสวนสอบสวนรับไปดำเนินการ ที่ประชุมได้นำข้อมูลแต่ละหน่วยงานที่ออกไปตรวจสอบและสืบค้นมาได้ พยานหลักฐาน รวมถึงผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุ เส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี และข้อมูลที่ได้จากการประสานงานกับสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย มาวิเคราะห์ถึงชนวนเหตุ และกลุ่มคนร้าย มีกล้องวงจรปิดบริเวณร้านอาหารริมทะเลใกล้จุดเกิดเหตุจับภาพชายชาวต่างชาติ 2 คน ลักษณะคล้ายคนร้ายไว้ได้ รวมถึง เส้นทางภายในซอยต่างๆที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักที่อยู่ห่างไปราว 700 เมตร อาจเป็นช่องทางที่คนร้ายแวะมาดูลาดเลาและหลบหนี

มีรายงานด้วยว่า ผู้ตายเช่าเหมาเครื่องบินส่วนตัวบินมาเพียงลำพังจากประเทศมาเลเซียมายัง จ.ภูเก็ต เข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมในย่านหาดป่าตอง 7 วัน ก่อนมาเข้าพักที่วิลล่าที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุตำรวจคาดว่าคดีที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรต่างชาติ นำลายนิ้วมือผู้ตายส่งไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลอาชญากรข้ามชาติ พบว่าลายนิ้วมือไปตรงกับชื่ออาชญากรอีก 1 ชื่อที่ไม่ใช่ชื่อตามหนังสือเดินทาง เป็นการใช้หนังสือเดินทางปลอม เริ่มตรวจสอบประวัติของนายซิงห์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนพบประวัติอาชญากรของนายซิงห์ในประเทศอินเดียและแคนาดา

ที่ห้องประชุม ศปก.ภ.จ.ภูเก็ต บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 กล่าวก่อนการเข้าประชุมกับชุดคลี่คลายคดีว่า ได้สั่งการให้รอง ผบช.ภ.8 และ ผบก.สส.ภ.8 และ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต สนธิกำลังหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เป็นต้น เพื่อตรวจสอบข้อมูล อันดับแรก คือ ตรวจสอบว่าผู้ตายเป็นใคร เนื่องจากผู้ตายไม่ได้ใช้พาสปอร์ตที่เป็นชื่อของตัวเอง แต่เป็นชื่อของคนอื่น เดินทางมาจากประเทศมาเลเซียโดยใช้เครื่องบินส่วนตัว มีข้อมูลว่าผู้ตายเช่าวิลล่าหลังเกิดเหตุตั้งแต่เดือน พ.ย.64

ผบช.ภ.8 กล่าวต่อว่า ในส่วนของคนร้าย มีพยานที่พบเห็นคนร้ายมาให้ข้อมูลตำรวจแล้ว นอกจากนี้ยังได้แบ่งงานในการติดตามตรวจสอบกล้องวงจรปิดและตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนตรวจสอบสถานที่พักต่างๆ ว่า มีผู้ที่มีลักษณะคล้ายคนร้ายมาพักหรือไม่ และคนร้ายใช้รถอะไร ทุกหน่วยจะต้องมาสรุปผลการปฏิบัติ เพื่อให้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนอินเดีย ชื่อจิมมี่ นอกจากนี้ยังได้ติดต่อสถานทูตทั้งของประเทศแคนาดาและอินเดีย เพื่อประสานข้อมูลด้วย ตลอดจนตรวจสอบประวัติว่าเป็นอย่างไร มีการหนีคดีหรือเกี่ยวพันกับบุคคลใดบ้าง

ด้าน พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท.รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนักท่องเที่ยวชาวแคนาดาถูกยิงเสียชีวิตว่า ตำรวจยังอยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวคนร้าย ยังระบุไม่ได้ว่ามือปืนเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ผู้ตายชื่อนายจิมมี่ ซิงห์ ซานดู (Jimi Singh Sandhu) ไม่ใช่นายซิงห์ แมนดีฟ ก่อนหน้านี้ทางการแคนาดาได้แจ้งเตือนว่านายจิมมี่เป็นบุคคลเฝ้าระวัง จะเดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทางปลอมแต่ยังไม่มีหมายแดงของอินเตอร์โพล ตำรวจพุ่งปมสังหารไปที่เรื่องการล้างแค้น เพราะหลังเกิดเหตุแก๊งที่เป็นฝ่ายตรงข้ามนายจิมมี่ได้โพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดียว่านายจิมมี่เสียชีวิตแล้ว เวลาที่โพสต์ข้อความเป็นช่วงที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุ รวมทั้งยังพบข้อมูลว่าแก๊งของนายจิมมี่และฝ่ายตรงข้ามมีปัญหากัน
มาตลอด และคู่กรณีเชื่อว่านายจิมมี่มีส่วนในการฆ่าแก๊งฝ่ายตรงข้ามหลายครั้ง

มีรายงานแจ้งว่า ชุดสืบสวนภาค 8 ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดพบหลักฐานผู้ก่อเหตุลักษณะคล้ายชาวต่างชาติคนแรกรูปร่างสูงใหญ่ อีกคนลำตัวหนาเดินลัดเลาะชายหาดมาเฝ้าดักยิงผู้ตาย เป็นเส้นทางที่สามารถนำรถมาจอดหรือมารับพาหลบหนีมีพยานเห็นคนร้ายเข้ามาดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุ และมีพยานชาวรัสเซียให้ข้อมูลว่าขณะที่คนร้ายยิงผู้ตายได้พูดคุยภาษารัสเซีย ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดและข้อมูลชาวรัสเซีย อินเดีย และแคนาดาที่เข้ามาเข้าพักในห้องพักช่วงก่อนวันเกิดเหตุและเดินทางออกไปหลังเกิดเหตุเพื่อเป็นข้อมูลในการสืบสวน พร้อมกันนี้ชุดสืบสวนภาค 8 ประสาน บช.สตม.ให้ตรวจสอบทั้งสามสัญชาติที่เดินทางเข้าออกประเทศทุกสนามบิน เป็นเบาะแสหาตัวคนร้าย และคาดว่าคนร้ายอาจจะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ

ในส่วนการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิต พบว่าชื่อนายจิมมี่ ซิงห์ ซานดู (Jimi Singh Sandhu) เกิดที่อินเดีย 7 ขวบย้ายไปอยู่แคนาดา โตกับญาติๆในเมืองแอบบอตส์ฟอร์ด แคนาดา เข้าสู่แก๊งมาเฟีย “ยูเอ็น” ปี 2010 และปี 2012 ถูกจับข้อหาในความผิดร้ายแรง ข้อหาทำร้ายร่างกาย ปี 2016 ถูกขับไล่ออกจากแคนาดา ปี 2018 ถูกจับที่อินเดียในข้อหาผลิตเคตามีนได้รับการประกันตัว หลบหนีคาดว่าอยู่ดูไบ และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2014 ถูกตั้งข้อหาฆ่านายแมตต์ แคมพ์เบล หัวหน้าแก๊งแมงป่องแดง

นอกจากนี้มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. จะเดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เช้าวันที่ 7 ก.พ. เพื่อร่วมประชุมเร่งรัดคดีฆ่าชาวแคนาดา เนื่องจากการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตอยู่ในแก๊งมาเฟีย มีประวัติก่อคดีหลายคดีในประเทศแคนาดาและเมืองดูไบ เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทางการแคนาดาต้องการตัวอย่างมาก การถูกยิงเสียชีวิตเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแก๊งมาเฟียข้ามชาติส่งมือปืนเข้ามาเพื่อล้างแค้นนายซิงค์ ที่ก่อคดีฆ่าคนในแก๊งมาเฟีย และร่วมกับเพื่อนโกงมาเฟีย

ทั้งนี้ตำรวจได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ตาย หลังเดินทางเข้าไทยพบว่าเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนบุคคลมาจากประเทศมาเลเซีย ผู้ตายถือหนังสือเดินทางหมายเลข AN705178 เข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 27 ม.ค. เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในหาดป่าตอง ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จะต้องอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ถึงวันที่ 3 ก.พ. แต่อยู่ไม่ครบกำหนด ผู้ตายออกจากโรงแรมเมื่อวันที่ 30 ม.ค. แล้วไปเข้าพักที่วิลล่าที่เกิดเหตุ ระหว่างที่พักอยู่โรงแรม ผู้ตายเดินทางเข้า-ออกโรงแรมตลอด นอกจากนี้ยังพบว่าหนังสือเดินทางของผู้ตายมีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วงแรกๆใช้หนังสือเดินทางระบุเป็นคนสัญชาติอินเดีย แต่ช่วงหลังเปลี่ยนแปลงชื่อใช้หนังสือเดินทางแคนาดาเข้าประเทศไทย แต่ระบบการตรวจสอบพิเศษนักท่องเที่ยวของ บช.สตม.ตรวจสอบไม่พบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงเอกสารหนังสือเดินทาง

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับการติดตามคนร้ายขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายเป็นใคร แต่จากการสอบถามพยานแวดล้อมให้ข้อมูลว่า คนร้ายพูดคุยกันเป็นภาษาต่างชาติ ตำรวจไม่ได้ฟันธงว่าคนร้ายจะเป็นคนสัญชาติอะไร คิดว่าความขัดแย้งของผู้ตายไม่ได้อยู่ในเมืองไทย เพราะผู้ตายมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน รวมถึงคนร้ายมีการวางแผนมาดูลาดเลาก่อนยิงหลายวัน ทั้งนี้ ทางการแคนาดาให้ข้อมูลว่านายจิมมี่ เกี่ยวพันกับองค์กรอาชญากรรม จึงถูกเนรเทศ และถูกถอนสัญชาติแคนาดา ส่วนตอนนี้ผู้ตายจะถือสัญชาติอะไรยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่าตำรวจกำลังดำเนินการหาตัวคนร้ายอย่างเร็วที่สุด ในวันที่ 7 ก.พ. เวลา 10.30 น. ตนจะเดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมประชุมคลี่คลายคดีกับชุดสืบสวน

ด้านสำนักข่าวแวนคูเวอร์ ซัน แคนาดา รายงานถึงเหตุฆาตกรรมอุกอาจนายซิงห์ แมนดีฟ โดยอ้างการเปิดเผยของ ส.ต.อ.เบรนดา วินเพนนี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามแก๊งอาชญากรสังกัดหน่วยตำรวจเฉพาะกิจแคนาดา (CFSEU) ที่ระบุว่าในบัญชีตำรวจแคนาดา นายแมนดีฟมีอีกชื่อว่านายจิมมี่ ซานดู (Jimi Sandhu) เป็นสมาชิกแก๊ง “เดอะ ยูเอ็น” หนึ่งในกลุ่มอาชญากรหลักในรัฐบริติช โคลอมเบีย ของแคนาดา มีฉายาในวงการว่า “สไลซ์” เนื่องจากแก้มขวามีรอยแผลเป็นเหมือนถูกมีดกรีด เกิดที่อินเดีย ก่อนย้ายมาอยู่แคนาดาตอนอายุ 7 ขวบที่เมืองแอบบอตส์ฟอร์ด และถือสัญชาติแคนาดา

ส.ต.อ.วินเพนนี เผยต่อไปว่า นายซานดู มีประวัติก่ออาชญากรรมคดีทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัวพันในคดีสังหารนายแมตต์ แคมพ์เบล หัวหน้าแก๊งคู่อริ “แมงป่องแดง” ก่อนถูกเนรเทศออกจากแคนาดาเมื่อปี 2559 และต่อมาในเดือน มิ.ย.2561 นายซานดูถูกจับกุมและตั้งข้อหาฐานตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดประเภทเคตามีนหรือยาเค ในรัฐกัว ทางภาคตะวันตกของอินเดีย แต่หลบหนีออกจากอินเดียหลังได้รับการประกันตัว จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เจ้าตัวเดินทางไปมาระหว่างนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุด้วยว่า แก๊งอาชญากรในรัฐบริติช โคลอมเบียของแคนาดา ไม่ว่าเดอะ ยูเอ็น แมงป่องแดง รวมถึงบราเธอร์ คีพเปอร์ส หรือบีเค ทำสงครามระหว่างแก๊งอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเหยื่อเสียชีวิตหลายสิบคน หลังข่าวการเสียชีวิตของนายซานดู ถูกเผยแพร่ออกไป บรรดาสมาชิกแก๊งคู่อริต่างโพสต์ข้อความแสดงความยินดีต่อการเสียชีวิต นายซานดูไม่ใช่สมาชิกแก๊งจากรัฐบริติช โคลอมเบีย คนแรกที่เสียชีวิตในต่างประเทศ ยังมีเหตุฆาตกรรมสมาชิกแก๊งในลักษณะเดียวกัน ในอาร์เจนตินา และเม็กซิโก