ทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเรือพิฆาตสมรรถนะสูง “ยูเอสเอส มิลลิอุส” ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน แสดงความยึดมั่นต่อหลักเสรีภาพในการเดินเรือ ยันอาวุธลับจีนเหนือชั้น

บรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกคึกคักอย่างต่อเนื่อง จากการแข่งขันเชิงอิทธิพลทางการทหารระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ทำการส่งเรือพิฆาตสมรรถนะสูง “ยูเอสเอส มิลลิอุส” ชั้นอาร์เล เบิร์ก ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯยึดมั่นต่อหลักการเสรีภาพการเดินเรือในภูมิภาค และกองทัพสหรัฐฯ จะทำการเดินเรือ หรือใช้เครื่องบิน ในทุกๆพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายสากล

ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลจีนทำการประณามการ ส่งเรือรบล่องเรือผ่านช่องแคบไต้หวัน ซึ่งตามนโยบายจีนเดียวแล้ว ไต้หวันถือเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ซึ่งการเดินเรือครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำจีน-สหรัฐฯ ที่จีนได้ประกาศกร้าวว่า การสนับสนุนให้ไต้หวันเป็นเอกราช ถือเป็นการเล่นกับไฟ และหากล้ำเส้น จีนก็พร้อมจะใช้มาตรการที่เด็ดขาด

ขณะที่สัปดาห์ก่อน กองทัพเรือจีนก็ออกปฏิบัติการลาดตระเวนในพื้นที่จังหวัดคาโกชิมะ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เรือตรวจการณ์ของจีนเข้ามาป้วนเปี้ยนในบริเวณเกาะยาคุชิมะและเกาะคุจิโนเอระบุ และมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เรือของจีนได้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำญี่ปุ่น แต่ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นญี่ปุ่นมิได้มีการออกคำสั่งให้เรือกองกำลังป้องกันตนเองพร้อมใช้อาวุธแต่อย่างใด

ข่าวสหรัฐฯส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน ยังมีขึ้นหลังจากสำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทม์ส ของอังกฤษ และ นสพ.วอลล์ สตรีท เจอร์นัล สหรัฐฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่กองทัพจีนทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียง ที่มีการบินรอบโลก 1 รอบ ก่อนตกสู่เป้าหมายทางภาคพื้นดิน เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ากองทัพจีนได้ทำการทดสอบอาวุธอีกประเภทในขณะเดียวกันด้วย โดยระหว่างที่อาวุธดังกล่าวกำลังวนรอบโลกด้วยความเร็วสูงถึง 6,175 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ได้มีการปล่อยจรวดออกมา 1 ลูก ซึ่งจรวดที่แยกตัวออกมาได้พุ่งลงในทะเลจีนใต้ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ

ด้านนักวิเคราะห์สหรัฐฯ ยังไม่แน่ใจว่าจรวดที่ถูกปล่อยออกมาดังกล่าวมีหน้าที่เช่นไร แต่เบื้องต้นเชื่อว่าอาจใช้เป็นตัวล่อเป้า ในกรณีที่ตัวอาวุธหลักถูกระบบป้องกันทางอากาศของประเทศนั้นๆโจมตีใส่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงกลาโหมเพนตากอนสหรัฐฯยังคงสงสัยว่าจีนพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯและรัสเซียยังไม่มีการพัฒนาระบบปล่อยจรวดลูกออกมาตัวจรวดแม่ที่กำลังบินด้วยความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า.