“บิ๊กตู่” กั๊ก! เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อ้างให้บ้านเมืองสงบก่อน

“บิ๊กตู่” ย้ำอีกอยู่ครบเทอมถึงปี 66 ขออย่ามีอุบัติเหตุการเมือง ลั่นเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่กั๊กลงสนามเลือกตั้งอ้างให้บ้านเมืองสงบค่อยปล่อยเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “บิ๊กป้อม” ผวาถูกเรียกนายกฯ มึนเกมป่วน “เรืองไกร” ไม่รู้มีจุดประสงค์อะไร “ทักษิณ” โต้ข้อหาขบวนการล้มเจ้า ฉะคนปล่อยข่าว ท้ามีหลักฐานจะให้รางวัลงามๆ นายกฯโยนสภาตัดสินเปิดกาสิโนเสรี “ประวิตร” ให้ดูตัวอย่างเพื่อนบ้าน “วิษณุ” ชี้วัดกันระหว่าง “ศีลธรรม-สังคม-เศรษฐกิจ” “เต้” จับตาดึงเจ้าพ่อมาเก๊าร่วมวง “โตโต้” ร้อง บช.น.สอบกระสุนยาง

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะยอมรับว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว แต่ยังคงไม่ยอมให้ความชัดเจนว่า ในศึกเลือกตั้งใหญ่รอบหน้าจะลงสนามเลือกตั้งในนามผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือจะลงแบบเขตเลือกตั้ง ในพื้นที่บ้านเกิด จ.นครราชสีมา

“ตู่” ขออย่ามีอุบัติเหตุการเมือง

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศจะเป็นนายกฯต่อไปเท่าที่กฎหมายจะให้ว่า ก็ยังเป็นรัฐบาลอยู่มิใช่หรือ กรอบกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนแล้ว อยู่ได้จนถึงเดือน มี.ค.2566 จะอยู่ไปจนถึงปี 2567 ได้หรือไม่ล่ะ เมื่อไม่ได้ก็อยู่ถึงปี 2566 ถ้าบ้านเมืองสงบสุขเราก็อยู่จนครบวาระไป อย่าไปมีอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรขึ้นมาเลย บ้านเมืองจะได้ไปได้ ทำอะไรหลายๆอย่างไว้แล้ว ไม่ใช่ทำเพื่อวันนี้หรือทำเพื่อคะแนนเสียงตัวเองด้วยซ้ำ ทำให้กับประชาชนและประเทศชาติ เมื่อถามว่าความตั้งใจคือต้องการอยู่ให้ครบวาระใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ แต่ทำเสียงในลำคอ “อืม อึหึ”

กั๊กลงสนามอนาคตค่อยว่ากัน

เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็ต้องเป็น เพราะเป็นนายกฯจากการเลือกตั้ง เป็นนักการเมือง แต่เป็นทหารที่เกษียณแล้ว ส่วนยศที่นำหน้าจะให้ทำอย่างไร ต้องให้ลดยศหรือตัดยศหรือ เป็นยศพระราชทาน เมื่อถามย้ำว่ายอมรับว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ต้องลงเลือกตั้งในระบบ เช่นลงปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ค่อยว่ากันในอนาคต เอาไว้ใกล้เลือกตั้งก่อน” เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่โคราชหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบสวนว่า “เลอะเทอะ ก็บอกแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา จะมาถามอะไรวันนี้”

อ้างชาติสงบค่อยเลือกผู้ว่าฯ กทม.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสม คือบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ความขัดแย้งต้องลดลง เป็นห่วงเรื่องของความมั่นคง ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ต้องมาก่อน เมื่อไหร่พร้อมก็เลือกตั้งไป เรื่องนี้ต้องไปถามคนที่เกี่ยวข้องทำอย่างไร บ้านเมืองจะสงบ ทั้งนี้ ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์หันถามผู้สื่อข่าวว่า “ใจดีไหมวันนี้ อารมณ์เย็นตลอด” เมื่อผู้สื่อข่าวถามกลับว่าวันที่ 3 ธ.ค. เป็นวันแห่งภรรยาของญี่ปุ่น จะมีอะไรพิเศษให้กับภริยาบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบกลับว่า “เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันรักเขาทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีวันพิเศษ แล้วเธอมีกันหรือยัง คนไม่มีอย่ามาพูด”

“บิ๊กป้อม” ผวาถูกเรียกนายกฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีปรากฏภาพมีประชาชนกราบเท้าระหว่างการลงพื้นที่ จ.อุดรธานี พร้อมเรียกว่าเป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตรส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “ผมไม่เป็นหรอก เดินยังไม่ไหวเลย” เมื่อถามว่าตอนไป จ.อุดรธานี นายกฯกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบกลับว่า จะกำชับอะไร คุยกันทุกวันอยู่แล้ว ทั้งนี้จะลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคใต้ วันที่ 13 ธ.ค.นี้ คือที่ จ.นครศรีธรรมราช และชุมพร ส่วนนายกฯจะไปหรือไม่นั้น หากว่างก็คงไป

มึนไม่รู้จุดประสงค์ “เรืองไกร”

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกรัฐมนตรีกลุ่มสามมิตรไปชี้แจงเพื่อหาบุคคลที่ปล่อยข่าวว่าจะมีบิ๊กเนมย้ายพรรค ว่า ต้องไปถามนายเรืองไกรดู ไม่ทราบเรื่อง เมื่อถามย้ำว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นความขัดแย้งในพรรคหรือไม่ เพราะอาจมีการดำเนินคดีกับคนในพรรค พล.อ.ประวิตรตอบว่า คงไม่ ให้สื่อไปถามนายเรืองไกรเองว่าเขา มีจุดประสงค์อะไร

“ทักษิณ” โต้ข้อหาขบวนการล้มเจ้า

วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้กระแสข่าวลือการยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลว่า จำได้ว่าตอนอายุ 40 ปี กลุ่มชินคอร์ปได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำทางการ บริหารจากอเมริกามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เข้มแข็งขึ้น เหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ประโยคแรกที่บริษัทนั้นขึ้นสไลด์โชว์คือ “Thailand is a rumour driven society” คือประเทศไทยเป็นสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข่าวลือ ชอบปล่อยข่าวลือกัน และบางทีข่าวลือก็ขับเคลื่อนประเทศไทยได้ด้วย เพราะเราอ่อนไหวต่อข่าวลือ และนึกว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ความจริงข่าวลือแปลว่าข่าวที่คนปล่อยอยากให้เป็นจริง ขณะนี้มีคนปล่อยข่าวว่าพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จะถูกยุบ โดยอ้างว่าตนไปสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า อ้างว่ามีเงินไหลมาจากต่างประเทศมาสู่ขบวนการล้มเจ้า สรุปแล้วจะพาดพิงตนเป็นคนทำ

ท้ามีหลักฐานจะให้รางวัลงามๆ

นายทักษิณระบุอีกว่า ถ้าใครมีหลักฐานว่ามีโอนเงินมาจากตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอนเงินเข้าสู่ขบวนการล้มเจ้า จะให้รางวัลอย่างงาม เพราะไม่มีทางมี ไม่เคยโอนเงินมา ไม่ว่าเรื่องใดทั้งสิ้น ลำพัง ทำมาหากินและไว้ใช้ในต่างประเทศก็หนักหนาอยู่แล้ว คงไม่คิดจะโอนเงินมาทำอะไร ยืนยันว่าเป็นข่าวปล่อยที่เป็นเท็จสิ้นเชิง ยิ่งข้อกล่าวหาไปเกี่ยวข้องกับการล้มเจ้านั้น ยิ่งตลก ไม่มีมูลแม้แต่นิดเดียว เพราะจบโรงเรียนเตรียมทหาร จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ทุนเล่าเรียนจาก ก.พ. ฉะนั้นโดยธรรมชาตินอกเหนือจากระบบสถาบันที่ต้องดำรงอยู่ด้วยความจงรักภักดีแล้ว ยังเป็นเรื่องความกตัญญูรู้คุณที่เป็นจุดแข็งในชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสำเร็จมาทุกวันนี้ เพราะกตัญญูรู้คุณ ดังนั้นเรื่องที่กล่าวหาทั้งหมด ยืนยันว่าไม่มีมูล อย่าหวังว่าจะมีคนหลงเชื่อตามคนที่ปล่อย ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

“เสรีฯ” แฉใบสั่งนายกฯคุม ก.ตร.

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มีมติให้ ผบ.ตร. เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แต่มีใบสั่งมาว่าประธาน ก.ตร. ต้องเป็นนายกฯเหมือนเดิม และคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ยังต้องมีอยู่ ให้นายกฯเป็นประธานอีก คุมทหาร คุมข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ยังคุมตำรวจอีก รวบอำนาจไว้ที่ตัวเอง ทำให้การบริหารงานทุกด้านไม่ได้เกิดประโยชน์ อาจมองว่าข้าราชการตำรวจแย่ ทำไมไม่มองคนคุมตำรวจ หัวเป็นอย่างไร หางก็ตามมาอย่างนั้น อยากให้ กมธ.พิจารณาปัญหานี้ อย่าไปเกรงกลัวผู้มีอำนาจ

ฉะคงนึกว่าตัวเองเป็นเทวดา

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า ปัญหาเกิดจากผู้มีอำนาจรวบอำนาจ ไม่กระจายอำนาจ นึกว่าตัวเองเป็นเทวดา เก่งอยู่คนเดียว ผลงาน 7 ปีชัดเจนประชาชนยอมรับกันหรือไม่ ล่าสุดลงพื้นที่ จ.อุดรธานี กองเชียร์ปรบมือเชียร์กันใหญ่ อยากให้อยู่นานๆ แต่เบื้องหลังขนคนจากบุรีรัมย์ก่อนนายกฯจะมา มีการซักซ้อมแหกตาประชาชนอยู่เรื่อย ฝากถึงผู้บริหารประเทศอย่านึกว่าตัวเองเป็นเทวดา มองตัวเองด้วยว่าเจ็ดปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

“ธนกร” สวนให้เกียรติคนอื่นบ้าง

นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสว่า หากมีหลักฐานหรือข้อมูลที่ชัดเจน ต้องนำมาแสดง ไม่ใช่นึกจะกล่าวหาลอยๆก็พูดไปเรื่อย เคยเป็นตำรวจ แต่ให้สัมภาษณ์ดูถูกเกียรติตำรวจด้วยกันเอง ต้องให้เกียรติ ผบ.ตร. รวมถึงตำรวจชั้นผู้น้อย ฟังดูแล้วเหมือนกำลังจะเป็นเทวดา เก่งอยู่คนเดียวซะเอง หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ให้เกียรติแม้แต่เพื่อน ส.ส.ด้วยกันเอง ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าจะมีใครใน กมธ.ของท่านจะไม่อยากให้เกียรติท่านบ้าง ถ้าอยากได้รับเกียรติจากใคร ก็ต้องรู้จักให้เกียรติเขาด้วย

โยนสภาชี้ขาดเปิดกาสิโนเสรี

อีกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทน ราษฎรมีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertain ment Complex) เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ว่า ให้เป็นเรื่องของสภาฯที่ ส.ส.เป็นผู้เสนอ เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการจะพิจารณาดูความเหมาะสม ข้อเท็จจริง และดูปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นมาในประเทศ รอบบ้านมีเยอะ มีการแอบไปเล่นกันเยอะ จะไปสั่งอะไรได้ ไม่ใช่ผู้เสนอเรื่องนี้ เป็นเรื่องของ ส.ส.

“ป้อม” ให้ดูตัวอย่างเพื่อนบ้าน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า เรื่องการตั้ง กมธ.ชุดดังกล่าวเป็นเรื่องของสภา เมื่อถามอีกว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการตั้งกาสิโนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็ดูรอบๆบ้านเราสิ คนของเราก็ไปเล่นของเขาเยอะ” เมื่อถามว่าดูรายชื่อ ส.ส.ที่ร่วมเป็น กมธ.มีประสิทธิภาพหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เท่าที่ทราบมีหลายพวกเข้าไปเป็น

ชี้วัด “ศีลธรรม-สังคม-เศรษฐกิจ”

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในอดีตมีการตั้งคณะกรรมาธิการ ขึ้นมาศึกษาเรื่อง Entertainment Complex ทุกสมัย สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก็ตั้งตนเป็นประธานศึกษาเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยังไม่ทันพิจารณาจบก็ลาออกก่อน สาเหตุที่ในอดีตไม่สามารถผลักดันได้สำเร็จ คงเป็นการต่อสู้ระหว่างศีลธรรม สังคม และเศรษฐกิจ ที่จริงมีข้อเสนอเยอะแยะ ทั้งให้ไปตั้งที่เกาะ มีการระบุชื่อจังหวัดมาด้วยซ้ำ ถึงขั้นส่งตนไปดูงานที่เก็นติ้งไฮแลนด์ เมืองกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มีการศึกษาเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้ประเทศ จะทำอย่างไรกับเรื่องผลกระทบด้านศีลธรรม รวมถึงเรื่องการควบคุม ให้ภาษีเข้ารัฐโดยไม่มีเบี้ยบ้ายรายทาง ที่สำคัญที่สุดคือส่วนใหญ่ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นบ่อเกิดอาชญากรรม มีเรื่องโสเภณี ค้ามนุษย์ ยาเสพติด จะควบคุมสิ่งเหล่านี้อย่างไร ดีใจที่ทุกพรรคจับมือร่วมกัน คงได้ข้อมูลที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

“เต้” จับตาดึงเจ้าพ่อมาเก๊าร่วมวง

ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรฯ กล่าวว่า จะเสนอตั้งคณะอนุกรรมาธิการ ทั้งหมด 4 คณะ คือ 1.ศึกษาเกี่ยวกับปัญหากาสิโนในประเทศ 2.ศึกษาเกี่ยวกับกาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน 3.ศึกษาเกี่ยวกับกาสิโนต่างประเทศ และ 4.ศึกษาผลกระทบต่อสังคม หากมีการเปิดกาสิโนขึ้นจริง ต้องดูว่ารัฐจะลงทุนร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ รัฐจะดึงนายสแตนลีย์ โฮ เจ้าพ่อกาสิโนมาเก๊า มาเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ หรือจะเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน แต่ก่อนดำเนินการต้องทำประชาพิจารณ์ และแก้ไขกฎหมาย 3-4 ฉบับ เคยนำเรื่องนี้ไปคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่าขณะนั้นที่มีโควิดรอบแรก ประเทศขาดรายได้ ขณะนี้เชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนกำลังมา ต้องคิดหลายอย่างด้วยกัน ต้องรอบคอบ ช้ามาก หรือเร็วมากไม่ได้ เป็นเรื่องความอยู่รอดของประชาชน

ให้ซื้อหน้ากองสลากหวย 80 บ.

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่โครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กทม. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานในพิธีมอบสิทธิบ้านเช่าโครงการเคหะสุขประชาร่มเกล้า ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง 270 ครัวเรือน จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาลอตเตอรี่ราคาแพงว่า ทุกคนมองปลายทางว่าราคาแพง ต้องดูต้นทางจากกองสลากฯที่กระจายไปถึงรายย่อยและสมาคมต่างๆ ในราคาต่ำกว่า 80 บาท เพื่อให้เขาได้มีกำไร ขบวนการ 5 เสือ 5 สิงห์ ไม่มีมานานแล้ว ให้โควตาตรงไปที่จังหวัด พื้นที่ สมาคม ต้องไปดูขั้นตอนตรงนี้ไปรวมชุดได้อย่างไร ต้องตรวจสอบ ทุกคนอยากได้เลขชุดเลยเป็นแหล่งผลประโยชน์ของเขา สรุปมีดีมานด์ก็ต้องมีซัพพลาย วิธีแก้ง่ายที่สุดก็อย่าไปซื้อเลขชุด แบ่งเฉลี่ยให้เขารวยกันบ้างสิโชคลาภ เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ให้ราคาอยู่ที่ 80 บาทตามที่ตั้งใจไว้ นายกฯตอบว่า ถ้าซื้อหน้ากองสลากฯ ราคาอยู่ที่ 80 บาท เมื่อถามว่าลอตเตอรี่ที่ซื้อจากคำชะโนดถูกรางวัลหรือไม่ นายกฯถอนหายใจ กล่าวตัดบทว่า “เลอะเทอะ”

นายกฯยันไม่ทอดทิ้งคนพิการ

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวปราศรัยเนื่องใน “วันคนพิการสากล” ประจำปี 64 ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเจตนารมณ์มุ่งมั่นสร้างสังคมไทยให้เป็น “สังคมแห่งโอกาส” เสมอภาคและเท่าเทียมกันในทุกๆด้าน สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมคุณภาพ ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังโดยเฉพาะคนพิการให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการและการได้รับการพัฒนาศักยภาพในทุกๆด้านไปพร้อมกัน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยปี 65 มีแผนขับเคลื่อนงานด้านคนพิการ 1.ช่วยเหลือให้เข้าถึงระบบสวัสดิการที่พึงได้รับ สนับสนุนกลไกครอบครัวอุปการะแก่คนพิการที่ไม่มีผู้ดูแล 2.ปฏิรูปขึ้นทะเบียนคนพิการให้ทั่วถึงหรือ “บัตรประจำตัวคนพิการดิจิทัล” และ 3.พัฒนาระบบและศักยภาพคนพิการให้มีงานทำในยุคดิจิทัลและชีวิตวิถีใหม่

ก.ก.หวั่น ตร.ด่วนปิดคดีฟัน “จ่าตา”

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ หรือจ่าตา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม พรรคก้าวไกล ถูกทำร้ายมีดฟันคอเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่า เหตุการณ์นี้ร้ายแรงสะเทือนขวัญ ก่อเหตุกลางวันก่อนเลือกตั้ง อบต. 1 วัน ขอให้ตำรวจสืบสวนตรงไปตรงมา ดูแลรักษาความปลอดนายอดิศักดิ์ให้ดีที่สุด ไม่อยากเห็นเจ้าหน้าที่ด่วนสรุปว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนบุคคลตามที่ผู้ก่อเหตุอ้างมีปัญหาทางจิต ที่ไม่สอดคล้องกับพฤติการณ์ข้อเท็จจริง นายอดิศักดิ์ไม่รู้จักผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัว ผู้ก่อเหตุเตรียมการเลือกช่วงเวลาที่ปลอดคนพรางใบหน้าพุ่งเข้าฟันซ้ำแล้วซ้ำเล่าหมายเอาชีวิต ไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิตแน่นอน ล่าสุดนายอดิศักดิ์เพิ่งยื่นคำร้องต่อคณะ กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ สอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ที่อาจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบตั้งแต่ปี 62 เรียกรับเงินจากญาติคนที่ถูกจับกุมแลกกับการยุติคดียาเสพติดหลายครั้ง หากไม่สืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ย่อมไม่ส่งผลดีต่อบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่

“โตโต้” ร้อง บช.น.สอบกระสุนยาง

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพแกนนำกลุ่มวีโว นายไชยพล ดโนทัย ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนายเสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์ ตัวแทนประชาชนใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ยื่นเรื่องร้องทุกข์ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรง และอาวุธปืนต่อผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 14 พ.ย. มี พ.ต.อ.ณรงค์ชัย น้อยศรี ผกก.ฝอ.6 บก.อก.บช.น.รับเรื่อง

นายเสกสิทธิ์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.กลุ่มผู้มาชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธ เคลื่อนขบวนจากแยกเฉลิมเผ่าไปถึงหน้าสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงใส่โดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า ขัดต่อแผนการควบคุมการชุมนุมที่ต้องเจรจาหรือแจ้งเตือน จะใช้ได้ต้องมีเหตุจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน ทั้งยังมีข้อสังเกตไม่เคยมีครั้งไหนที่ผู้ชุมนุมถูกยิงแล้วกระสุนยางทะลุเข้าไปฝังในร่างกาย ตรวจสอบแล้วพบว่ายิงด้วยปืนที่มีประกายไฟรุนแรงเสียงดังมากกว่าปกติ ดังนั้น ดัดแปลงปืนให้มีความรุนแรงกว่าปกติ ขัดหลักสากลหรือไม่

“เบนจา” โดนอีกคดีม็อบไล่ทรราช

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 22 ปี แนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในข้อหาตาม ป.อาญา มาตรา 112 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ที่หน้าบริษัท ซิโน-ไทย ระหว่างกิจกรรม “#ม็อบ 10 สิงหา คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช” ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ เป็นการฟ้องโดยไม่ได้นำตัวจำเลยมาศาล เนื่องจากตัวอยู่ในอำนาจศาลอยู่แล้ว ศาลจะนัดจำเลยมาสอบคำให้การต่อไป นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า เพิ่งทราบว่าเบนจาถูกฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นอีกคดีหนึ่ง ต้องปรึกษาคณะทำงานศึกษาคำฟ้องเพื่อสู้คดีต่อไป