“บิ๊กป้อม” กระชับอำนาจคุม พปชร. สกัด คลื่นใต้น้ำตั้ง “สมศักดิ์” เป็นรองหัวหน้า

“บิ๊กป้อม” กระชับอำนาจคุม พปชร. สกัด คลื่นใต้น้ำตั้ง “สมศักดิ์” เป็นรองหัวหน้า ปลอบใจวืดเก้าอี้ประธานยุทธศาสตร์พรรค ส่ง “ไพบูลย์” ประธานกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคดูแลเข้ม ส.ส. “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่อ้อนฝากหัวใจไว้กับชาวชลบุรี “เสี่ยเฮ้ง” พร้อม ส.ส.เมืองชล-จันทบุรี-ฉะเชิงเทรา แห่ต้อนรับ นายกฯ ลั่นรัฐบาลเดินหน้าไม่หยุดยั้ง ส.ว.ชิ่งยื่นตีความร่างแก้ไข รธน.ไม่เกี่ยวกับ ส.ว. “วันชัย”โบ้ย เป็นเรื่องของพรรคการเมือง พท.นัดประชุมใหญ่ 28 ต.ค. ขับ ส.ส.งูเห่า ฝ่ายค้านยื่น กมธ.ป.ป.ช. สอบปมนายกฯแจก 5 ล้านแลกโหวต “สุทิน” ฟุ้งหลักฐานอื้อทั้งภาพ-เสียง-พยานบุคคล “เสรีพิศุทธ์” โอ่ได้คุยกับคนรับเงินแล้ว ปธ.ศาลฎีกาสะกิดเร่งฟันคดี โกง ป.ป.ช.ขุดกรุตั้งองค์คณะไต่สวน “ทักษิณ-สุริยะ” คดีซื้อฝูงบินแอร์บัส 5.3 หมื่นล้าน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินหน้ากระชับอำนาจในพรรค หลังจากแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรักคนสนิท เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ตัดหน้านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรรมการบริหารพรรคที่ได้ไปนั่งรองหัวหน้าพรรคแทน พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรค มาดูแล ส.ส.ให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน

“บิ๊กป้อม” ตั้ง คกก.กฎหมาย พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้งคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐในด้านกฎหมาย และการบังคับใช้ข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ เป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานกรรมการ ส่วนกรรมการประกอบด้วยนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และเป็นสมาชิกพรรค และนายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเป็นสมาชิกพรรค

“ไพบูลย์” คุมทีมดูจริยธรรม-ข้อบังคับ

นายไพบูลย์เปิดเผยว่าการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีนัยทางการเมือง โดยมีอำนาจหน้าที่พิจารณาเห็นชอบร่างกฎหมายต่างๆที่พรรคเสนอ เช่น พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ให้ความเห็นปัญหาข้อกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับพรรคและดูแลการบังคับใช้ข้อบังคับพรรคและจริยธรรมของสมาชิกพรรค

ปลอบใจ “สมศักดิ์” ให้นั่งรอง หน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง พล.อ.ประวิตรได้ตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ซึ่ง พล.อ.วิชญ์เป็นเตรียมทหาร รุ่น 11 ซึ่งถือเป็นน้องรัก พล.อ.ประวิตร ซึ่งเดิมเตรียมมอบตำแหน่งนี้ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรรมการบริหารพรรค ทำหน้าที่ดังกล่าว และแม้นายสมศักดิ์จะออกปากว่าไม่น้อยใจ แต่เพื่อไม่ให้เกิดแรงเขย่าในพรรคขึ้นอีก โดยมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประวิตรเตรียมลงนามแต่งตั้งให้นายสมศักดิ์มาเป็นรองหัวหน้าพรรคอีกตำแหน่ง เพื่อเป็นการปลอบใจ

เก้าอี้ รมต.ส.ส.ใต้แล้วแต่นายกฯ

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า ส.ส.ใต้มีอุดมการณ์เดียวกันไม่เรียกร้องให้นายกฯต้องหนักใจจะได้ตัดสินใจได้อย่างสบายใจ ไม่มีใครมากดดัน หากจะมีโควตาภาคใต้ขึ้นอยู่กับนายกฯจะเลือกใครเป็นรัฐมนตรี เวลานี้ ส.ส.ใต้ทุกคนเป็นอิสระ ดูแลช่วยเหลือกันเองไม่ได้เดินตามหลังคนอื่น ก่อนนี้มีคนเคยบอกว่า ส.ส.ใต้ไม่สามัคคีกันจึงไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ตอนนี้เราสามัคคีกัน ร่วมสะท้อนปัญหาชาวภาคใต้มาให้ฝ่ายบริหารรับทราบ ส่วนการเตรียมพร้อมเลือกตั้ง อบต.ยังไม่ได้คุยกัน

“บิ๊กตู่” ไปชลบุรี ส.ส.พปชร.แห่รับ

เมื่อเวลา 08.15 น. ที่สนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ.เขตพญาไท กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมโรงงานตามโครงการ Factory Sandbox จ.ชลบุรี ณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด (แหลมฉบัง) โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ส.ส.ชลบุรี เขต 1 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กรรมการบริหารพรรค พปชร. นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.ชลบุรี ผู้บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จํากัด นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี มารอต้อนรับ ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์มาถึงได้พูดคุยทักทายและถ่ายภาพร่วมกัน

ยันรัฐบาลเดินหน้าไม่หยุดยั้ง

จากนั้นนายกฯรับฟังสรุปการดำเนินงานและ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ในฐานะนายกฯ ยินดีร่วมมือและได้มอบนโยบายพร้อมแนวทางไปแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันผลิกโฉมประเทศไทย ถือเป็นอีกครั้ง ที่ได้มาพบกับข้าราชการ ผู้ประกอบการและนักธุรกิจ ส.ส. ผู้แทนประชาชน ทุกคนมีสิทธิพบกันได้ทั้งหมด ยินดีที่ได้มาพบกัน ทุกคนต้องรวมพลังจับมือกันเดินหน้าไปพร้อมกัน ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ รัฐบาลพร้อม จะแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด ต่อมา นายกฯ ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโครงการ Factory Sandbox ได้พูดคุยทักทาย พนักงาน พร้อมได้สอบถามว่าอยู่จังหวัดไหน ขณะที่นายกฯบอกว่า ตัวเองเกิดที่โคราช แล้วมารับราชการที่ กทม. นายกฯ ยังได้ถ่ายรูปร่วมกับพนักงานที่มาต้อนรับอย่าง เป็นกันเอง ต่อมา นายกฯกล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมว่า วันนี้ยืนยันรัฐบาลจะเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่า มีปัญหาอุปสรรคอะไรก็ตาม ในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล มุ่งเน้นความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศเป็นหลัก เป็นความรับผิดชอบมากขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ จ.ชลบุรี อย่างเดียว

ลั่นจะทำคนไทยมีสุข ปทช.สงบให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอให้รับฟังข่าวสาร จากรัฐบาลด้วย เพราะวันนี้สังคมโซเชียลไม่สามารถควบคุมได้มากนัก จึงขอให้ทุกคนมีภูมิต้านทาน บ้านเมืองจะได้สงบเสียที ยืนยันจะทำให้บ้านเมืองสงบให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนและ พวกเราทุกคน และ ส.ส.ทุกคน ซึ่งอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ตนอยู่ฝ่ายบริหาร เรื่องความยุติธรรมเป็นอำนาจตุลาการ มีอยู่ 3 อำนาจ จะทำหน้าที่ฝ่ายบริหารให้ดีที่สุด ร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติเดินหน้าประเทศไทยไปให้ได้ เราต้องพลิกโฉมประเทศไทยไปให้ได้ ฝากหัวใจไว้กับชาวชลบุรีด้วยแล้วกัน รักษาหัวใจดวงนี้ ของตนไว้ให้หน่อย จะได้แข็งแรงในการทำเพื่อประเทศชาติ จะรับปัญหาไปแก้ไขให้ได้มากที่สุด ขอบคุณทุกคน ขอบคุณในรอยยิ้มและขอบคุณกำลังใจที่ให้ตน จะทำให้ทุกท่านให้ประชาชนคนไทยมีความสุขให้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลามากพอสมควร เพราะปัญหาเราเยอะและ ขอบคุณสื่อมวลชนด้วยใจจริง ช่วยรัฐบาลนิดนึง ตนไม่ได้ หมายความว่าท่านจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรตนไม่ได้ คงตามสมควร แต่อย่าสร้างความขัดแย้งเท่านั้นเอง

ดูความก้าวหน้าสถานีดาวเทียม

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายกฯตรวจติดตามความก้าวหน้า สถานีดาวเทียมและศูนย์กลางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอวกาศ สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) โครงการอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ (Space Krenovation Park: SKP) ในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Eastern Economic Corridor of Digital : EECd) ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา โดยติดตาม 1.ความคืบหน้าโครงการ THEOS-2 และการพัฒนาดาวเทียมระดับ Industrial grade โดยวิศวกรไทย ณ ศูนย์ทดสอบประกอบดาวเทียมแห่งชาติ 2.การพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศ (New Space Economy) จากเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit: LEO satellite network) และ 3.การนําเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศไปใช้ ประโยชน์ด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยนายกฯ ชื่นชมขอให้พัฒนาต่อไปอย่าหยุดการพัฒนา ช่วยให้ การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัล นำพาประเทศเดินหน้าพัฒนาสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง อย่าง ยั่งยืน ทั้งนี้ ต้องร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ แก้ไขปัญหาไปด้วยกัน แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของคนไทยทุกคน ส่วนรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียิ่งๆขึ้นไป จากนั้นเวลา 13.15 น.นายกฯเดินทางกลับ กทม.

“วันชัย” ชิ่งยื่นศาล รธน.ไม่เกี่ยวกับ ส.ว.

ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ที่จะขอให้ ส.ว.ร่วมเข้าชื่อยื่นด้วยนั้น การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่อง ของพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวกับ ส.ว.ที่มีส่วนได้เสีย จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปร่วมเข้าชื่อยื่นตีความ โดยความเห็น ส่วนตัวเห็นว่าหากจะทำให้เกิดความชัดเจนเป็นเรื่องดี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเล็กจะขอให้นายกฯ ยื่นศาล วินิจฉัยตีความนั้นรัฐธรรมนูญเปิดช่องทางไว้ แต่ไม่ แน่ใจว่านายกฯจะทำหรือไม่ ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็น

“สมคิด” ไม่มีเหตุผลฆ่าตัดตอนร่าง รธน.

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวว่า ภายหลังรัฐสภาผ่านความเห็นชอบในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 หลังการประกาศในราชกิจจาฯ ต่อไปจะเป็นขั้นตอนในการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 120 วัน ที่มีข่าวว่าหลายพรรคการเมืองต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยุบสภาเพื่อฆ่าตัดตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะดำเนินการเช่นนั้น รัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์จะไปกังวลทำไมกับบัตรเลือกตั้งกี่ใบ การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะบริหารจัดการอย่างไร เพราะหลังจากนี้รัฐบาลจะต้องผ่านกฎหมายหลายฉบับ รวมทั้งการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินด้วย รัฐบาลต้องมั่นใจว่าคุมเสียงอยู่ หากกฎหมายการเงินไม่ผ่านรัฐบาลต้องลาออก หากรัฐบาลมั่นใจว่าไม่มีปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุน เพราะมีกล้วยอีกเยอะ สังคมจะรับรู้ทั้งหมดและประณามรัฐบาล ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุแห่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นต้นเหตุของการแจกกล้วย และเปิดทางให้เกิดการต่อรองทางการเมืองทำให้การเมืองอ่อนแอ

พท.ประชุมใหญ่ 28 ต.ค.ขับงูเห่า

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ต.ค.พรรคเพื่อไทยจะจัดประชุมใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น มีวาระประชุม 3 ส่วน คือประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ประชุม ส.ส.และประชุมสมาชิกสามัญพรรค ทั้งนี้ ในการประชุมจะมีการขอเสียงสมาชิกพรรค 3 ใน 4 ว่าจะขับหรือไม่ขับ ส.ส. ที่ฝ่าฝืนมติพรรคด้วย

กก.ส่งร่าง ก.ม.พรรคการเมืองประกบ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลจะยื่นร่างแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกบไปกับพรรคอื่นหรือไม่ว่า พรรคกำลังจัดทำร่างกฎหมายลูกอยู่ ยังไม่เรียบร้อย จะใช้เวลาช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯทำให้เสร็จให้ทันยื่นประกบกับร่างของพรรคอื่น เบื้องต้นยังไม่ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขกฎหมายลูกอย่างเป็นทางการ เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านวาระสาม ยังไม่ได้ยื่นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะขยับเรื่องนี้เมื่อมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว

ยื่น กมธ.ป.ป.ช.สอบนายกฯแจก 5 ล้าน

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ร่วมกันยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ขอให้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมี ส.ส.พูดในสภาฯว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมานายกฯแจกเงิน ส.ส.กลางสภา เพื่อจูงใจให้ลงมติไว้วางใจ นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ ส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของรัฐสภา จะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปโดยไม่มีการสอบสวนไม่ได้ หลักฐานที่มีเราได้มาจากหลายทาง ทั้งที่แสวงหาเองและมีคนนำมาให้ ทั้งภาพ เสียงและพยานบุคคล กล้องวงจรปิดยังเป็นหลักฐานที่น้อยกว่าหรือเบากว่าหลักฐานที่เรามี

“เสรีพิศุทธ์” โอ่คุยกับคนรับเงินแล้ว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นเอกสาร แต่ตนและประชาชนเชื่ออยู่แล้วว่ามีการซื้อเพื่อให้ลงคะแนนไว้วางใจจริง เชื่อตั้งแต่ได้รับฟังในสภาฯวันนั้น และคนที่ได้รับเงินก็มีการคุยกัน แต่เมื่อขอให้มาเป็นพยาน คนที่รับบอกว่าใครจะกล้า เพราะรับแค่ 3,000 บาทก็เกินแล้ว การหาหลักฐานจะเพียงพอต่อการชี้มูลความจริงหรือไม่ ตนก็ต้องดำเนินการต่อไปให้เร็วที่สุด คนเป็นนายกฯทำเสียเองแบบนี้ ประเทศอยู่ไม่ได้ ขอให้พี่น้อง ส.ส.ของเราเห็นแก่บ้านเมือง ช่วยมาให้ข้อมูล จะกันไว้เป็นพยานด้วย คิดว่าคงจะเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.วันที่ 29 ก.ย.

ชี้นายกฯคนนี้พิกล-จะเอาข่าวดีมาให้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะตำแหน่งนายกฯมีความสำคัญ นายกฯคนนี้ทำอะไรแปลกๆ เป็นสมาชิกพรรคก็ไม่ได้เป็น เป็น ส.ส.ก็ไม่ได้เป็น เขาเสนอชื่อให้มาเป็นนายกฯพอเจ้าของบ้านเขาไม่ให้อยู่ก็ไปปลดเขา มันดูพิกลๆ แล้วจะเอาข่าวดีมาให้ก็แล้วกัน เมื่อถามว่าต้องเชิญนายกฯมาชี้แจงหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า จะมาไม่มาก็แล้วแต่ขอดูหลักฐานเพราะมีการเชิญตั้งแต่กรณีการถวายสัตย์ฯไม่ครบก็ไม่มา แต่กรณีค่าน้ำค่าไฟบ้านหลวงส่งคนมาชี้แจงแทนอยู่ เมื่อถามย้ำว่า ถ้านายกฯไม่มาจะเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาชี้แจงแทนหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า “ก็มีสิทธิเชิญทุกคน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็เชิญมาได้ แต่ขอให้ช่วยจูงมาหน่อยก็แล้วกัน”

“อนุดิษฐ์” โวยอย่าทำไอโอกับ ปชช.

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ “IO” หรือ “ปฏิบัติการข่าวสาร”เนื้อหาสรุปว่าได้ดูรายการชื่อ “เถื่อน” พูดถึงการทำ IO จากฝ่ายรัฐ เป็นเครื่องมือสำคัญชิงความได้เปรียบด้านการรบ แต่ปัจจุบันถูกนำมาประยุกต์ใช้ปฏิบัติการกับประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐด้วย จากข้อมูลพบว่ากลุ่ม IO ไม่ได้ถูกจัดตั้งอยู่ในหน่วยงานใดของรัฐ แต่จัดตั้งผ่านการเบิกงบฯด้านสื่อและงบฯประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานนั้นๆ ใช้ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน ใช้งบฯแผ่นดินนำไปละเลงเพื่อปกป้องรัฐบาลและสร้างความมั่นคงให้ตนเองและพวกพ้อง ขอเรียกร้องจงหยุดโดยเร็วที่สุด เพราะงบฯประชาสัมพันธ์ควรใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น อย่าได้นำมาสร้างความขัดแย้งและแตกแยกระหว่างคนในชาติเป็นอันขาด “ทราบแล้วช่วยนำไปปฏิบัติด้วยครับลุง”

กกต.เปิดยอดบริจาค ภท.รับมากสุด

วันเดียวกัน สำนักงาน กกต.เผยแพร่ข้อมูลเงินบริจาคพรรคการเมือง ประจำเดือน ก.ค. 2564 ส่วนที่บริจาคเกิน 5,000 บาท 12 พรรค พรรคที่มียอดเงินบริจาคสูงสุด คือพรรคภูมิใจไทย รับบริจาครวม 2,090,000 บาท รองลงมา อาทิ พรรคก้าวไกล รับบริจาค 1,307,000 บาท พรรคประชาธิปัตย์ รับบริจาค 672,000 บาท พรรคชาติพัฒนา รับบริจาค 495,000 บาท พรรคเส้นทางใหม่ (ไทยชอบธรรม) รับบริจาค รวม 200,000 บาท เป็นต้น รายชื่อผู้บริจาคที่น่าสนใจ คือนางดารณี จงสงวน ภรรยานายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริจาค 100,000 บาท ให้พรรคเส้นทางใหม่ (ไทยชอบธรรม) ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล บริจาคสูงถึง 1,000,000 บาท ให้พรรค

“ช่อ” ยุบ อนค.ไร้ผลก้าวหน้าเดินต่อ

น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และกรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์หลังราชกิจจานุเบกษา ประกาศการจัดตั้งมูลนิธิคณะก้าวหน้าว่าจากนี้จะมีคณะก้าวหน้าขับเคลื่อนการทำงานเหมือนเดิมทุกอย่าง ความจริงหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเราพูดชัดเจนว่าการก่อตั้งคณะก้าวหน้าสานต่ออุดมการณ์ พรรคอนาคตใหม่ยังต้องการทำงานการเมืองต่อไป มูลนิธิฯจึงมองการทำงานระยะยาว ส่งเสริมคุณค่าทางประชา ธิปไตยให้เป็นรากฐานปลูกฝังแน่นหนาลงไปในสังคมไทยให้ได้ เป็นสิ่งเดียวกับที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ตั้งใจจะทำ จึงเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้มีความหมายอะไร งานของพวกเรายังดำเนินต่อไป

“ชวน”ปลุก ขรก.อย่าโกงตามใจนาย

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา บรรยายพิเศษเรื่องธรรมาภิบาล คุณธรรม และความโปร่งใสในการป้องกันการทุจริต จัดโดยนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 12 ตอนหนึ่งว่า ปัญหาการทุจริตในบ้านเมืองมีมายาวนาน ทุกวงการ อยู่กับการเมืองมา 52 ปี พูดได้ว่าแนวโน้มทุจริตไม่ลดลง หากฝ่ายราชการร่วมมือด้วยยิ่งไปกันใหญ่ อยากให้สังคมไทยมีธรรมาภิบาลข้อ 7 คือ ไม่เกรงใจนาย ถ้านายให้ทำอะไรไม่ถูกต้อง ยอมขัดใจนายดีกว่าติดคุกวันข้างหน้า เพราะหลายกรณีที่ติดคุก คนสั่งไม่ติดเลย

ปธ.ศาลฎีกาแนะเร่งฟันคดีโกง

นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กล่าวว่าแม้ศาลจะพิพากษาคดีทุจริตจำนวนมาก แต่จากปริมาณคดีที่อยู่ในศาล ป.ป.ช.ต้องยอมรับความจริงว่าเป้าประสงค์การลดทุจริตในประเทศอาจยังไปไม่ถึงในเร็ววันนี้ แต่เชื่อว่ามาถูกทางแล้ว เคยคุยกับผู้ต้องขังหลายรายที่ทำผิด เขารู้ว่าถ้าถูกจับอาจถูกจำคุก แต่ยังเลือกทุจริต เพราะไม่คิดว่าจะโดนจับ คิดว่ามีโอกาสรอด หลายกลุ่มยังรอด ลอยหน้าในสังคมได้ กระบวนการยุติธรรมต้องกลับมามองตัวเอง เมื่อคนคิดว่าทำความผิดแล้วจะรอด สะท้อนให้เห็นกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ไม่ทำให้คนเกรงกลัว คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ความผิดลักษณะนี้จับยากเป็นการ สมประโยชน์กัน คนให้ยินดีให้ คนรับคิดว่าเป็นโอกาสที่จะรับ กระบวนการยุติธรรมจะยอมรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งพนักงานสอบสวน ป.ป.ช. ป.ป.ท. อัยการ ศาล รวมถึงกรมราชทัณฑ์ต้องปรับบทบาทการทำหน้าที่ เน้นความสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความถูกต้อง เป็นธรรม แม่นยำ รวดเร็วและโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะความรวดเร็วสำคัญ เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม จำเป็นต้องให้ความสำคัญคดีทุจริตเป็นเรื่องแรกๆ คดีทุจริตกว่าจะพิพากษาลงโทษใช้เวลานานจนคนลืมเรื่อง ลืมความร้ายแรง จึงขาดความเกรงกลัวความผิด ดังนั้นความรวดเร็วในคดีจึงจำเป็น

ป.ป.ช.ตั้งทีมไต่สวน “ทักษิณ-สุริยะ”

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.และโฆษก ป.ป.ช.เปิดเผยถึงกรณีการกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม อนุมัติจัดซื้อเครื่องบินแบบ A 340-500 จำนวน 4 ลำและ A340-600 จำนวน 6 ลำของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างปี 2545-2547 รวม 10 ลำ มูลค่า 53,536 ล้านบาท เพื่อใช้บินเส้นทางบินสหรัฐฯ แต่ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลให้บริษัทการบินไทยแบกหนี้จำนวนมากว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่มีมติตั้งองค์คณะไต่สวนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกตั้งอนุกรรมการไต่สวนคือนายทักษิณเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ และนายสุริยะเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมกับพวกรวม 5 คน อาทิ บอร์ดการบินไทย องค์คณะไต่สวนมอบให้สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 1 เป็นผู้รับผิดชอบ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช.