“บิ๊กป้อม” ปิดห้องเคลียร์ใจกลุ่มปากน้ำ ลงมติไม่ไว้วางใจ มท.1 ปูนบำเหน็จ ปรับครม.รอบหน้ายกเก้าอี้รัฐมนตรีให้กลุ่มปากน้ำ

“บิ๊กป้อม” ปิดห้องเคลียร์ใจกลุ่มปากน้ำ ลงมติไม่ไว้วางใจ มท.1 รอปูนบำเหน็จปรับ ครม.รอบหน้ายกเก้าอี้รัฐมนตรีให้กลุ่มปากน้ำ ปัดพัลวันใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ แจกกล้วยพรรคเล็ก ตีมึนไม่รู้เรื่องพลิกแก้ รธน.กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว “กรุงศรีวิไล” ก้มกราบเท้าขอโทษ พล.อ.ประวิตร เผยปมน้อยใจไม่เคยได้รับการเหลียวแลงบประมาณจาก “บิ๊กป๊อก” ตะโกนลั่น “ลุงป้อม” เหมาะนั่ง รมว.มหาดไทย ป.ป.ช.ตั้งแท่นควานหาหลักฐานไลน์หลุดฟันพรรคเล็กรับกล้วย แย้มมีความผิดยาวเป็นหางว่าว ทั้งรับเงินเกิน 3 พัน รับสินบน ร่ำรวยผิดปกติ ผิดจริยธรรมร้ายแรง โทษหนัก ถึงขั้นประหารชีวิต

หลังจากที่ 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ พรรคพลังประชารัฐ ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา กลายเป็นปมที่สร้างความขัดแย้งในพรรคทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องปิดห้องเคลียร์ใจ ส.ส.กลุ่มนี้ ระหว่างการลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ไปดูเรื่องแนวทางบริหารจัดการน้ำ

“บิ๊กตู่” ปิดปาก ส.ส.โหวตหัก มท.1

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีมอบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 จากนั้นเวลา 14.50 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 7/2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังประชุม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามกรณีควันหลงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อยู่เบื้องหลัง 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ จ.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐโหวตสวนมติพรรคที่โหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว หันมามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเดินทางกลับ โดยตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์สงวนท่าทีและเลี่ยงที่จะตอบคำถามประเด็นการเมือง

“กรุง” กราบ “บิ๊กป้อม” ตรวจปากน้ำ

ขณะที่เวลา 13.00 น. ที่ จ.สมุทรปราการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการแก้ปัญหาน้ำแล้งและป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและบางปะกง จ.สมุทรปราการ มีตัวแทนหน่วยราชการท้องถิ่นต้อนรับ อาทิ น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อม ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายยงยุทธ สุวรรณบุตร นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ รวมถึงนายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ มารอต้อนรับ ยกเว้น น.ส.ภริม พูลเจริญ และ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ 2 ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มาต้อนรับ ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึงจุดแรกที่เทศบาลตำบลบางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ นายกรุงศรีวิไลรีบเข้าไปก้มกราบเท้า พล.อ.ประวิตรทันทีที่ลงจากรถยนต์จน พล.อ.ประวิตรรีบบอกว่า “ลุกขึ้นๆเดี๋ยวลุกไม่ขึ้น แก่พอกัน” ก่อนจะไปทักทาย ส.ส.สมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ที่มาต้อนรับ

เผยน้อยใจลงมติคว่ำ “บิ๊กป๊อก”

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ปิดห้องเคลียร์ใจกับทีม ส.ส.กลุ่มปากนํ้าใช้เวลา 10 นาที โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการเคลียร์ใจว่า ให้ไปถามเขาดูเอง เป็นเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจของเขา ไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เคลียร์ใจและขอโทษแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรพยักหน้าบอกว่า “เขาขอโทษ” เมื่อถามว่า ให้อภัยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ต้องเอาเข้ากรรมการบริหารพรรค แต่ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบ เพราะทำไปแล้ว เมื่อถามว่า จะมีบทลงโทษอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า มีอยู่แล้ว ส่วนจะส่ง ส.ส.สมุทรปราการกลุ่มนี้ลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐสมัยหน้าหรือไม่ ต้องไปถามเขาดู ถามตนไม่ได้

รอปูนบำเหน็จให้เก้าอี้ รมต.

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตรกล่าวกับประชาชนที่เทศบาลตำบลบางเมืองที่มาต้อนรับว่า ยินดีที่ได้พบชาวสมุทรปราการขอชื่นชมผู้ว่าฯ นายกฯอบจ. และชาวสมุทรปราการที่ร่วมกันทำงานแก้ปัญหาน้ำท่วม แม้ฝนตก 3 วัน 3 คืน ก็แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา นายกฯห่วงใยมาติดตามทันทีพร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานแก้ไขเร่งด่วน นายกฯห่วงใยชาวสมุทรปราการ ขอให้ทุกคนเห็นใจนายกฯด้วยที่ทำงานหนักเพื่อคนไทย โดยเฉพาะจ.สมุทรปราการ ส.ส.พลังประชารัฐร่วมมือกับรัฐบาลทำงานทุกอย่าง ขอบคุณที่เลือกพรรคพลังประชารัฐถึง 6 คน แม้ได้ ส.ส.มากแต่ยังไม่ได้รัฐมนตรี แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงก็ต้องได้ ทำงานให้รัฐบาลดีต้องได้รับการพิจารณา ปรับ ครม.เมื่อไรต้องได้เป็นเมื่อนั้น

ตะโกนลั่นให้ “ลุงป้อม” คุม มท.

นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่า ได้กราบเท้า พล.อ.ประวิตร และบอกว่าได้ทำตามหน้าที่ระบอบประชาธิปไตย เมื่อถามว่าการกราบเท้า พล.อ.ประวิตร หมายถึงขอโทษใช่หรือไม่ นายกรุงศรีวิไลพยักหน้าพร้อมบอกว่า “ขอโทษ” เมื่อถามว่าถือว่าเคลียร์ใจกันหรือไม่ หลังปิดห้องคุยกันแล้ว นายกรุงศรีวิไลตอบว่า ไม่มีใครมาว่าอะไรตนเลย เมื่อถามว่าจะเป็นประเด็นปัญหาสนิมเกิดแต่เนื้อในหรือไม่ นายกรุงศรีวิไลตอบว่า คิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และความจริงคือ มท.1 ไม่ได้ดูแลอะไรเราเลย ชัดๆคือเรื่องงบประมาณ โจทย์ใหญ่คือ รมว.มหาดไทยเป็นแม่บ้านรัฐบาล เคยสัญญาว่าใน จ.สมุทรปราการมีอะไรให้แจ้ง แต่พอแจ้งก็ไม่ได้รับการตอบสนอง กระทรวงไม่ส่งมาที่จังหวัดเลย อะไรก็ไม่ได้ เราจะไปอยู่ได้อย่างไร นี่เรียกว่ากระตุกหนวดเสือ เสือหลับจึงเรียกให้ตื่นมาดูลูกๆบ้าง อย่าว่าแต่ “ลุงป๊อก” เลย ลุงตู่ถ้าไม่ถูกตนก็ขึ้นเวทีอภิปราย เมื่อถามว่า อยากให้ใครเป็น รมว. มหาดไทย นายกรุงศรีวิไลตะโกนทันทีว่า “ลุงป้อม”

โอด 3 ปีไม่เคยได้งบประมาณ

นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมา 3 ปี จ.สมุทรปราการ ไม่ได้รับการประสานดูแลเรื่องท้องถิ่น โดยเฉพาะการเสนอโครงการผ่านกระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับการอนุมัติและรับแรงเสียดทานจากประชาชน การตัดสินใจโหวตอยู่บนพื้นฐานการเป็นผู้แทนราษฎรและความถูกต้องเป็นการแสดงออกทางการเมืองภายใต้ครรลองระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้จบแล้ว ส่วนการโหวตคว่ำนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็นปัญหาการทำการเมืองท้องถิ่นทับซ้อนพื้นที่กัน ยืนยัน ส.ส.สมุทรปราการก้าวหน้า ทำงานครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด รักกันดี ไม่แตกแยก นายสุชาติมีพื้นที่ จ.ชลบุรี มีปัญหาหนักควรไปดูแลพื้นที่ตัวเอง วันข้างหน้าผู้ใหญ่จะว่าอย่างไรพร้อมปฏิบัติตาม จะไม่มีแรงกดดันให้ผู้ใหญ่ยกโทษให้ นี่คือการแสดงออกทางการเมืองครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งสมัยหน้า เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสมัครในนามพลังประชารัฐหรือไม่ นายต่อศักดิ์ตอบว่า อยู่ที่ผู้ใหญ่พิจารณา ส.ส.สมุทรปราการทำงานเป็นทีม ถ้าสมุทรปราการก้าวหน้าไปทางไหนก็พร้อมไปด้วย

โอ่ไม่ถูกตำหนิปมโหวตสวน

นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การที่ ส.ส.สมุทรปราการ 6 คน โหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็นเหตุผลบางอย่างของผู้ใหญ่ ไม่สามารถก้าวล่วงได้ หลังโหวตไป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เรียก ส.ส.ในกลุ่มไปตำหนิ ส่วนที่อาจถูกมองว่าไม่เชื่อฟัง พล.อ.ประวิตรนั้น พวกตนเคารพหัวหน้าพรรค แต่ไม่ขอก้าวล่วงความคิดผู้ใหญ่ในกลุ่ม ยืนยันเหตุผลที่ทำไปทั้งหมด เพราะอยากให้ จ.สมุทรปราการพัฒนาไปในทางที่ดี ไม่มีการเรียกร้องเรื่องตำแหน่ง และไม่มีความน้อยใจ ส่วนกรณีกลุ่มไลน์ ส.ส.ที่มีอยู่ร้อยกว่าคนแสดงความไม่พอใจการโหวตของ 6 ส.ส.สมุทรปราการ ก็ไม่มีปัญหาและยังโทรศัพท์มาให้กำลังใจมีเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้นที่มีปัญหา เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพลังประชารัฐหรือไม่ โดยนายอัครวัฒน์พยักหน้าตอบรับ

“นันทิดา” ไม่รู้มีผู้ใหญ่สั่งโหวตคว่ำ

น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทร ปราการ กล่าวว่า กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าเป็นส่วนท้องถิ่น ทำงานต่อเนื่องตามนโยบายนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนการเข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรกับกลุ่ม ส.ส.สมุทรปราการนั้น ไปสะท้อนปัญหาเรื่องน้ำที่มีมายาวนาน ได้รับความเมตตาจาก พล.อ.ประวิตร อย่างน้อยต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ เช่น คูคลอง ในห้องไม่มีเคลียร์ใจถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มกับ พล.อ.ประวิตร แต่กราบขอบพระคุณท่านที่เมตตาต่อสมุทรปราการ เมื่อถามว่า มี ส.ส.กลุ่มปากน้ำระบุผู้ใหญ่ไม่ไห้โหวตไว้วางใจ รมว.มหาดไทย น.ส.นันทิดาตอบว่า ไม่ทราบ เพราะงานของตนมีหน้าที่ในฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เมื่อถามว่า คนมองว่าผู้ใหญ่ที่ว่าเป็นนายชนม์สวัสดิ์ น.ส.นันทิดาหัวเราะ พร้อมบอกว่า กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าเป็นกลุ่มท้องถิ่น ไม่ได้ขึ้นกับพรรคการเมือง

“ศรีสุวรรณ” ยื่นสอย ส.ส.กินกล้วย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิด ส.ส.ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและหัวหน้ากลุ่มการเมืองที่ปรากฏเป็นข่าวรับเงิน 100,000 บาทต่อเดือนจากผู้อื่น รวบรวมหลักฐานจากสื่อสำนักต่างๆในโซเชียลมีเดียและแหล่งข่าวได้เพียงพอแล้ว การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 128 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท และยังเข้าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ถือเป็นการรับทรัพย์สินที่มิควรได้ ไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นเกี่ยวกับการรับทรัพย์สินโดยธรรมจรรยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง 10 ปี จะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดต่อไป

ป.ป.ช.ขู่ฟันพรรคเล็กรับสินบน

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช.กำลังรวบรวมหลักฐานกระแสข่าว ส.ส.พรรคเล็กได้รับผลประโยชน์รายเดือน เดือนละ 100,000 บาท ที่มีการเปิดเผยข้อมูลขึ้นมาระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 11 รัฐมนตรี หากพบข้อเท็จจริงมีมูล ป.ป.ช.จะตั้งเรื่องขึ้นมาตรวจสอบตามกระบวนการต่อไป นอกจากพิจารณาจะเข้าเงื่อนไขมาตรา 128 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 กรณีห้าม ส.ส.และเจ้าหน้าที่รัฐรับเงินหรือผลประโยชน์ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาทแล้ว ยังต้องพิจารณาเป็นการรับเงินเพื่อแลกกับการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หากพบเป็นการรับเงินเพื่อแลกกับการลงมติอาจเข้าข้อหารับสินบน มีความผิดฐานต่อหน้าที่ราชการเพิ่มขึ้นอีก กรณีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สินโดยมิชอบ เพื่อแลกกับการกระทำหรือไม่กระทำบางอย่าง มีโทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท หรือประหารชีวิต ถือเป็นความผิดทางอาญาเพิ่มขึ้นอีก

พ่วงฟันคนให้สินบน จนท.รัฐ

นายนิวัติไชยกล่าวว่า นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดทางจริยธรรมร้ายแรง ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และอาจถึงขั้นถูกตรวจสอบฐานร่ำรวยผิดปกติด้วย ถ้าไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้เช่นเดียวกับผู้ให้เงินอาจมีความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ เรียกได้ว่าเป็นความผิดกรรมเดียว แต่อาจมีหลายกระทงความผิด หลังจากที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบในวันที่ 26 ก.ค.แล้ว ป.ป.ช.จะพิจารณาตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นว่ามีข้อมูลหลักฐาน อะไรบ้าง หากเป็นแค่ข้อมูลลอยๆว่า มีแค่ไลน์หลุด อาจไม่เพียงพอ ป.ป.ช.ต้องไปไต่สวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป

กกต.กระโจนสอบรับกล้วยรายเดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงการตรวจสอบเอาผิดนักการเมืองพรรคเล็กที่มีหลักฐานในไลน์ปรากฏชื่ออยู่ในสลิปการโอนเงินการได้รับเงินสนับสนุนรายเดือน 100,000 บาท อย่างต่อเนื่องว่า ขณะนี้เลขาธิการ กกต.รับทราบเรื่องตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ส่วนผลการตรวจสอบ จะเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายใด มีโทษอย่างไร ต้องตรวจสอบ ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ยุติก่อนจะพิจารณาต่อไป

ปัดพัลวันใช้พื้นที่มูลนิธิรับกล้วย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการเรียกร้องให้ตรวจสอบวัตถุประสงค์จัดตั้งมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่นำมูลนิธิไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองว่า ไม่มี ไม่รู้เรื่อง ต้องไปถามคนปล่อยข่าว ป่ารอยต่อฯ ไม่ได้ทำอะไร เมื่อถามว่า วัตถุประสงค์มูลนิธิป่ารอยต่อไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่ที่ผ่านมามีนักการเมืองเข้าไปตลอด พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่เกี่ยว ตนเกี่ยวแค่คนเดียว ป่ารอยต่อฯไม่เกี่ยว เมื่อถามว่า นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า มีการรับเงินในป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “เฮ้ย! ไปรับกับใครผมจะรู้มั้ย” เมื่อถามว่า ไม่เคยเจอนายพิเชษฐใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่เจอ ตนเจอในเรื่องการทำงานเท่านั้น ส่วนที่ ป.ป.ช. รับสอบเรื่องนี้แล้วนั้น รับไปเลย เหมือนกรณีนาฬิกาให้รับไปเลย เรื่องจริงเป็นอย่างไรว่ากันไป ไม่กลัวหรอก

“ธรรมนัส” ตัดหาง ส.ส.หมดใจ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงกรณี 4 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี สวนมติพรรคว่า พรรคเศรษฐกิจไทยมอบให้นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย รวมถึงฝ่ายกฎหมายพรรคสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นรายบุคคล เพื่อพิจารณาบทลงโทษ ภายใน 3 วันนี้จะมีความชัดเจนเกิดขึ้น ตนและ ส.ส.ที่เหลือของพรรคเศรษฐกิจไทยยังเป็นเลือดแท้ จากนี้ไปจะเดินหน้าเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง จะมีบุคคลทางการเมืองที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานแน่นอน ส่วนสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย ถ้าใครจะออกไปอยู่พรรคอื่นก็ไม่ห้าม ใครจะออกเป็นเรื่องของเขา ใครจะอยู่ก็อยู่ด้วยใจ ต้องเป็นเลือดแท้พรรค ส่วนความสัมพันธ์พรรคเล็กถือว่าตัดขาด ไม่ติดต่อกันอีก เพราะเบื่อการเมือง การต่อรอง และผลประโยชน์ส่วนตัว

พท.เย้ยแจกกล้วยช่วยให้รอด

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลพังแค่ไหนในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ชัด จะใช้ผลโพลสำนักไหนมากลบเกลื่อนความล้มเหลวหรือใช้ไอโอรูปแบบใดมาแก้เขินก็ไม่เป็นผล ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นผลโพลสะท้อนความต้องการประชาชนได้ถูกต้องแม่นยำที่สุด พรรคใดยังกอดรัฐบาล 3 ป.แน่น ประชาชนจำได้แม่น พร้อมสั่งสอนในการเลือกตั้งแน่นอน รัฐบาลย่อมรู้อยู่แก่ใจว่ารอดมาได้เพราะฝีมือตัวเอง หรือแจกกล้วยช่วยให้รอด การได้ประโยชน์จากการออกแบบการเมืองให้ถอยหลังย้อนยุค สร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่ว่า การจ่ายเงินแลกโหวตเพื่อผลประโยชน์ตัวเองเป็นสิ่งที่ทำได้ รัฐธรรมนูญเขียนโดยคนกลุ่มใด ใครได้ประโยชน์สูงสุด ประชาชนรู้ รัฐธรรมนูญเขียนห้ามเป็นนายกรัฐมนตรีรวมเกิน 8 ปี แต่พอใกล้ครบเวลา ยังพยายามหาช่องสืบทอดอำนาจต่อให้ยาวนานที่สุด

ครอบครัวเบิร์ธเดย์ “ทักษิณ” 73 ปี

วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า “วันที่ 26 ก.ค. เป็นวันเกิดครบรอบ 73 ปีของคุณพ่อ เวลาผ่านไปเร็วมาก คุณพ่อเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 51 ปี ดำรงตำแหน่งอยู่ 5 ปี ก็โดนรัฐประหารปี 2549 ผลพวงจากรัฐประหารคราวนั้น ทำให้ประเทศ ไทยติดหล่มการเมือง ล้าหลังเพื่อนบ้าน ความเหลื่อมล้ำของคนไทยถ่างออกไปจนช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนสูงที่สุดในโลก วันเกิดปีนี้ลูกๆทำของขวัญเซอร์ไพรส์ เป็นคลิปวิดีโอที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นให้คุณพ่อ ตอนเปิดดูพร้อมกันทั้งลูกๆ หลานๆ ดังที่เห็นกันในคลิปนี้ บรรยากาศจะตื่นเต้นชุลมุนกันนิดหน่อย คลิปนี้เป็น Teaser ส่วนตัวเต็มรอติดตามพร้อมกันได้ทาง Thaksin official” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้โพสต์คลิปคนในครอบครัวชินวัตรและลูกๆ ยืนห้อมล้อมนายทักษิณ เพื่อรับชมคลิปวิดีโอร่วมกันอย่างมีความสุข

บลัฟ “ทักษิณ” วืดกลับบ้านแน่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินในงานครบรอบวันเกิด ยืนยันจะกลับประเทศไทยปี 2566 ว่า นายทักษิณพูดหลายครั้งจะกลับประเทศไทย ความจริงกลับมาได้ตลอดเวลา แต่ต้องมารับโทษเข้าคุกตามกฎหมายก่อน หากไม่ยอมรับโทษตามกฎหมาย อย่าหวังจะได้กลับประเทศ ขอท้าร้อยบาท เอาขี้หมากองเดียว นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ กลับไทยแน่นอน ยกเว้นกลับมาติดคุก ส่วนที่นายทักษิณ หลังให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล หวังช่วยให้ตัวเองและน้องสาวพ้นผิดนั้น แบบนี้ชี้ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำตามคำสั่งใคร คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมแน่นอน

“บิ๊กป้อม” ตีมึนหวนใช้บัตรใบเดียว

ด้านความเคลื่อนไหวการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ หลังจากที่ประชุมรัฐสภาลงมติเปลี่ยนวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากหารด้วย 100 เป็นหารด้วย 500 นั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอแก้รัฐธรรมนูญกลับมาใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวอีกครั้งว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องสมาชิกพรรคและ ส.ส.ที่จะทำกัน เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 หรือ 500 พล.อ.ประวิตรตอบว่า จะไปรู้หรือ สื่อถามนำตลอด เมื่อถามว่า ถ้ากลับไปใช้บัตรใบเดียวเห็นด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้ จะไปรู้ได้อย่างไร

วิปหาลู่ทางเคลียร์สูตรปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานวิปรัฐบาล ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเชิญตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาชี้แจงถึงประเด็นวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ยังมีข้อถกเถียงจะใช้สูตรหาร 100 หรือ 500 ในการคำนวณ ภายหลังการประชุม นายชินวรณ์กล่าวว่า วิปรัฐบาลมีมติดำเนินการ 2 แนวทาง คือแนวทางแรกพิจารณาวาระ 2 ตามลำดับมาตราจนจบ ถ้ามีประเด็นขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ ให้รัฐสภาขอความเห็นไปยัง กกต. เชื่อว่า กกต.จะยืนยันใช้ 100 หาร ตามที่เสนอร่างมาตั้งแต่ต้น ส่วนแนวทางสอง หากที่ประชุมเห็นควรให้แก้ไขมาตราอื่นที่เกี่ยวกับมาตรา 23 เรื่องวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เป็นอำนาจที่ประชุมจะพิจารณา หาก กกต.ชี้ว่า การใช้สูตรหาร ด้วย 500 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็พร้อมเดินหน้าต่อ แต่เชื่อว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

เชื่อพลิกใช้บัตรใบเดียวลำบาก

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา และเลขานุการ กมธ.วิสามัญฯ กล่าวว่า เชื่อว่าจะพิจารณาเสร็จทั้ง 3 วาระก่อนวันที่ 15 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประชุมรัฐสภาลงมติเปลี่ยนวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากหาร 100 เป็น หาร 500 นั้น เกรงจะเกิดปัญหาในมาตราที่เหลือที่มีเนื้อหาผูกโยงการใช้วิธีหาร 100 จะมี 2-3 มาตรามีปัญหาที่ กมธ.เสียงข้างน้อยไม่เตรียมการแก้ปัญหาไว้ เชื่อว่า เมื่อเรื่องไปถึง กกต.มีโอกาสจะกลับมาหาร 100 เพราะ กกต.เสนอใช้ 100 หารมาตลอด หาก กกต. แย้งกลับมา สภามี 2 ทางคือ เห็นตาม กกต. แก้ไขภายใน 30 วัน หรือยืนยันใช้หาร 500 หากยืนยันตามนั้น จะไปเจอการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ มีกลุ่มรอยื่น 2 กลุ่มคือ ฝ่ายค้านและ กมธ.ที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนกระแสข่าวการยื่นแก้ไขระบบเลือกตั้งกลับไปใช้บัตรใบเดียวนั้น ตามกฎหมายทำได้ แต่ทางการเมืองทำไม่ได้ แค่ทางกฎหมายก็ยาก เพราะเวลาสภาเหลือน้อย ต้องเสนอร่างมาใหม่ ตั้ง กมธ.และแก้กฎหมายลูกอีก แต่ทางการเมืองจะบอกประชาชนอย่างไรถึงการกลับไปใช้บัตรใบเดียว

โวย กมธ.ข้างมากคืนชีพหาร 100

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และ กมธ.วิสามัญฯ กล่าวว่า เชื่อว่า การประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 26 ก.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ในวาระ 2 จะไม่มีปัญหา แม้ กมธ.เสียงข้างมากพยายามตีรวนให้การพิจารณาวาระ 2 มีปัญหา เพื่อทำให้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลับไปใช้วิธีหาร 100 แต่ยังมั่นใจการประชุมจะราบรื่น แต่อาจต้องพักประชุม 30 นาที ไปแก้ไขมาตราอื่นที่เกี่ยวกับมาตรา 23 ว่าด้วยสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ประธาน กมธ.บอกทำไม่ได้ แต่เชื่อว่าที่ประชุมรัฐสภาจะลงมติให้ทำได้ ส่วน 2 มาตราที่จะแก้ไข ขอเก็บเป็นความลับ ให้ติดตามรายละเอียดในที่ประชุมรัฐสภา

ผู้กองยี้ 500 หารคิดปาร์ตี้ลิสต์

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 26 ก.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ยังมีความขัดแย้งสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ยังต้องลุ้นจะใช้วิธีหาร 100 หรือ 500 ว่า เคยพูดสนับสนุนการหาร 100 มาตั้งแต่ต้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ต้องไปรอความชัดเจนเมื่อทางสภาส่งร่างไปยัง กกต.ก่อน

ฉะพวกวิตกจริตกลัวขึ้นสมอง

วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงกระแสข่าวการเตรียมแก้กฎหมายกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวว่า เป็นวิตกจริตของผู้มีอำนาจ ความกลัวขึ้นสมองของผู้มีอำนาจคือ จะแก้กติกาบ้านเมืองอย่างไรให้ตัวเองได้เปรียบ การเปลี่ยนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะกลัวใช้ใบเดียว เดี๋ยวพรรคตัวเองจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบพรรคเพื่อไทยปี 2562 ส่วนการออกแบบคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบคู่ขนานหาร 100 เพราะกลัวพรรคก้าวไกลได้บัญชีรายชื่อเยอะ และการกลับมาหนุนระบบจัดสรรปันส่วน หารด้วย 500 เพราะกลัวเพื่อไทยแลนด์สไลด์ แต่คิดอยากจะกลับไปหาร 100 เพราะดูแล้วยังเสียเปรียบในบัญชีรายชื่อ จึงหวนกลับไปเอาบัตรใบเดียว จัดสรรปันส่วนผสมแบบปี 2562 ดีกว่า มีพรรคปัดเศษเยอะ รวบรวมตั้งรัฐบาลไม่ยาก สรุปประสาทรับประทานหรือเปล่า รู้จักเกรงใจประชาชนบ้างไหม

ก้าวไกลไม่ผิดคาดเจอทางตัน

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สูตรหาร 500 กระทบกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.อย่างน้อย 2 มาตราคือ มาตรา 131 และ 133 เดินหน้าได้ยากจริงๆ กรณีมีกระแสข่าวแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว และสูตรคำนวณเดิมนั้นมีความเป็นไปได้ แต่ต้องคว่ำในวาระ 3 ยังไม่ถึงจุดนั้น อีกกรณีคือ ศาลรัฐธรรมนูญต้องตีความการหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขกฎหมายลูกเดินหน้าต่อไม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ หากเป็นเช่นนั้นจริง รัฐสภาต้องยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แก้ให้เบ็ดเสร็จ ทุกคนสรุปบทเรียนตรงกันว่าเป็นการแก้ไขที่ไม่สะเด็ดน้ำ นำมาสู่ทางตันอย่างที่คาดคะเนกันไว้จริงๆ

กกต.รับรอง “เดชทวี” นั่ง ส.ส.ลำปาง

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ประชุมคณะกรรมการ กกต.ประกาศผลรับรองการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2565 ให้นายเดชทวี ศรีวิชัย ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งซ่อม ตามมาตรา 127 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แต่การประกาศผลดังกล่าวไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย กรณีมีเหตุอันควรสงสัยมีการกระทำทุจริตเลือกตั้งไม่ว่าจะได้ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยสำนักงาน กกต.ขอให้นายเดชทวีมารับหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.เป็นต้นไป ที่สำนักงาน กกต.