ปธน.เซเลนสกี เผย! ได้รับคำเชิญจาก ผู้นำอินโดฯ ให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ “G-20”

ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เปิดเผยในวันพุธว่า ผู้นำอินโดนีเซียได้ส่งคำเชิญให้ตนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 (G-20) ที่รัฐบาลกรุงจาการ์ตาจะเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปีนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

ปธน.เซเลนสกี ทวีตข้อความที่ระบุว่า “ได้พุดคุยกับ ประธานาธิบดี (โจโก วิโดโด้) … รู้สึกขอบคุณสำหรับคำเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจี-20” แต่ไม่ได้ยืนยันว่า ตนจะตอบรับคำเชิญและไปร่วมงานที่จะเกิดขึ้นที่เกาะบาหลีในเดือนพฤศจิกายนหรือไม่

ทางการรัสเซียเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มีแผนที่จะเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังทำเนียบรัฐบาลอินโดนีเซียและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อขอความเห็น แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับมาขณะที่จัดทำรายงานฉบับนี้

ทั้งนี้ ยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มจี-20 แต่ประธานกลุ่มนั้นเคยเชิญผู้นำจากประเทศนอกกลุ่มมาร่วมประชุมบ้าง โดยเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐมนตรีคลังยูเครนเพิ่งเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มจี-20 ที่กรุงวอชิงตันไป

กลุ่มจี-20 ได้ออกมาประณามการที่รัสเซียส่งกองทัพรุกรานยูเครนซึ่งดำเนินมาถึง 9 สัปดาห์แล้ว และสงครามนี้ยังทำให้เกิดความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ไปทั่ว ทั้งยังส่งคลื่นผลกระทบรุนแรงต่อสภาพเศรษฐกิจโลก รวมทั้งนำมาซึ่งวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหม่ด้วย

สมาชิกกลุ่มจี-20 หลายประเทศได้เรียกร้องให้ไม่ต้องเชิญรัสเซียและปธน.ปูตินมาร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ แต่อินโดนีเซียยังคงนิ่งเงียบอยู่ โดยกล่าวว่า เวลานี้ยังเร็วเกินที่จะตัดสินใจเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวลองสอบถาม เตวกู ไฟซาชยาห์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้รับคำตอบว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียได้ “ทำการหารือ” และรายงานรายละเอียดทั้งหมดไปยังปธน.โจโก วิโดโด้ แล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า เป็นการหารือกับผู้ใดบ้าง

ริซาล ซุกมา อดีตนักการทูตอินโดนีเซียซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ด้านการเมืองที่ศูนย์ Center for Strategic and International Studies ให้ความเห็นว่า คำเชิญดังกล่าว “สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของอินโดนีเซียในการพยายามเชิญชวนให้ผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่มจี-20 ทั้งหมดมาร่วมการประชุมสุดยอดที่บาหลี พร้อมๆ กับการเปิดโอกาสให้รัสเซียและยูเครนได้ร่วมหาทางออกเพื่อสร้างสันติภาพให้ได้”

ที่มา: รอยเตอร์