ประสบการณ์เฉียดตาย! “เบนซ์ The Gaijin Trips” ยูทูบเบอร์ดังสายท่องเที่ยว ตกหน้าผาสูง นอนเจ็บคนเดียวกลางป่า รับพลาดเองประเมินสถานการณ์ผิด

เบนซ์ The Gaijin Trips ยูทูบเบอร์ดังสายท่องเที่ยว เล่าประสบการณ์เฉียดตาย ตกหน้าผาสูง ประมาณตึก 3 ชั้น นอนเจ็บคนเดียวกลางป่า รับพลาดเอง ประเมินสถานการณ์ผิด

วันที่ 16 มี.ค. 65 มีรายงานว่า เบนซ์ ถาวร ภัสสรศิริกุล ยูทูบเบอร์ชื่อดัง จาก The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว ได้โพสต์คลิปเล่าเรื่องราวเฉียดตายจากการตกหน้าผา ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุข้อความว่า “เรื่องเล่าการตกหน้าผาของเบนซ์เคสนี้ ถือว่าเป็นเทปอุทาหรณ์ให้กับตัวเอง และผู้คนที่ติดตามรับชมว่า การเดินทางคนเดียวมีหลายลักษณะ และบางลักษณะก็มีความเสี่ยง เบนซ์อยากขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือ ให้เบนซ์ได้ผ่านเหตุการณ์นาทีชีวิตนั้นมาได้ เบนซ์คิดว่าทั้งหมดในเรื่องเล่าครั้งนี้ คงมีประโยชน์ให้กับหลายๆ คน ได้ระมัดระวังตัวมากขึ้นในการเดินทางนะครับ พร้อมทั้งขอบคุณชาวบ้านทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือ ขอบคุณประสบการณ์ ขอบคุณกำลังใจผู้ติดตามทุกท่าน และเราจะกลับมาเดินทางลำพังอีกครั้งให้ปลอดภัยกว่านี้

โดยในรายละเอียดของคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้น เริ่มบันทึกเหตุการณ์ ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 65 เวลาประมาณ 16.38 น. ที่เบนซ์ได้ถ่ายไว้หลังจากตนเองเกิดอุบัติเหตุตกหน้าผา ระหว่างนอนรอชาวบ้านและกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ จนถึงขั้นตอนการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ในวันที่ 6 มีนาคม หลังจากได้รับการรักษาตัวระหว่างรอกายภาพบำบัด เบนซ์ได้บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เฉียดตายมากที่สุดในชีวิต ที่เกิดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวนี้ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ทำให้รกร้าง ซึ่งก่อนจะเข้าไปก็ถามชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำมาว่าต้องระมัดระวัง 

เบนซ์ กล่าวต่อว่า ความจริงถ้าไม่ได้ไปสุดทาง หรือไปลึกมาก ก็คงไม่อันตราย ซึ่งเป็นความผิดของตนเอง ที่ไม่ได้ประเมินสถานการณ์ เพราะสถานที่ดังกล่าวไม่ได้เปิดให้เที่ยวมาสักพักใหญ่ จึงทำให้พื้นที่โดยรอบเป็นป่ารกร้างมาก แต่เพราะต้องการหาจุดถ่ายรูปจึงเดินเข้าไป แต่ยิ่งเดินไปลึกขึ้นก็เริ่มหวาดเสียว กลัวงูโผล่มา หลังถ่ายรูปเสร็จ เริ่มคิดที่เปลี่ยนเส้นทางการเดินใหม่ ไม่ย้อนกลับไปทางเดิมที่เข้ามาอย่างยากลำบาก

จึงได้พยายามปีนขึ้นบนหน้าผา ที่อยู่ข้างบนเพื่อหาทางออกแทน แต่เพราะตนประเมินสถานการณ์ผิดพลาด พยายามปีนหน้าผาหลายครั้ง จนถึงขั้นเอาเล็บจิกไว้จนเลือดออก แต่ยังประมาท มั่นใจว่าตัวเองจะต้องผ่านไปได้ ประกอบกับความต้องการที่จะออกจากบริเวณนั้น จึงพยายามปีนขึ้นไปจนถึงยอด เมื่อมาถึงกลับพบกับผาอีกลูกที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางขวางทางออก

ทำให้เริ่มวิตกหาทางลงไม่ได้ นั่งคิดบนหน้าผานั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะถ้าเดินทางกลับทางเดิม ก็ต้องปีนลงเขาที่ขึ้นมาอย่างยากลำบาก จึงตัดสินใจเดินลงหน้าผาทางใหม่ที่มีหินตื้นกว่า แต่มีหน้าตัดตรงทำให้ชันกว่าเดิม ถ้าพลาดก็อาจจะตกเหวได้

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว จึงแพ็กกล้องทั้งหมดลงในกระเป๋า แล้วหย่อนลงในหน้าผา เพื่อวัดความสูง ได้ประมาณ 10 เมตร จากนั้นจึงพกโทรศัพท์ติดตัวไว้ แล้วค่อยๆ ปีนลง โดยจับแง่งดินที่อัดแน่นที่ชัน และในจังหวะโหนตัวเองเพื่อหย่อนตัวลงพื้นนั้น ก้อนดินที่จับไว้ได้แตกลงมากะทันหัน ทำให้ตกจากที่สูงประมาณ 5 – 6 เมตร หรือประมาณตึก 3 ชั้น ส่งผลตกกระแทกพื้น แล้วขาข้างขวาหักเสียงดังทันที จากนั้นก็กลิ้งตกจากผาลงมาอีกประมาณ 10 เมตร ทำให้ขาขวาที่หักผิดรูปอย่างมาก

เบนซ์ เล่าต่อว่า มีความคิดแวบเข้ามาว่า นี่น่าจะเป็นวาระสุดท้าย เพราะจะคลาน หรือบิดตัวก็ทำได้ยาก แต่ยังคงมีความหวัง จึงพยายามคลานไปหากระเป๋าที่อยู่ห่างไปประมาณ 1-2 เมตร แล้วโทรหา 191 แจ้งพิกัดและที่เกิดเหตุเพื่อคนมาช่วย แม้จะไม่มั่นใจว่าคนมาช่วยจะหาเจอ เพราะเป็นพื้นที่ซับซ้อน จากนั้นตนเองก็พยายามโทรพูดคุยกับคนที่บ้านเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติ เพราะเจ็บขาที่หักมาก เรียกว่าเจ็บที่สุดในชีวิต

ใช้เวลากว่า 1 โมงครึ่ง กว่าจะมีคนเข้ามาช่วย ซึ่งถือเป็นวินาทีความเป็นความตาย และได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชุมชน นอนรอประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง รู้สึกหดหู่เพราะกังวลว่าขาตนเองจะเป็นอย่างไร แต่ก็โชคดีที่คนรู้จักที่เคยไปพักอาศัยด้วย เมื่อทราบข่าวก็เข้ามาดูแลช่วยเหลือ สุดท้ายได้ย้ายมาโรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองและเตรียมการผ่าตัดในวันถัดมา

เบนซ์กล่าวอีกว่า ชีวิตที่เจอเรื่องราวร้าย เมื่อมีคนอยู่ข้างๆ แล้วดีขึ้นเยอะเลย มีมิตรภาพของการเดินทาง หลังจากได้ผ่าตัดแล้ว อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น สัญญากับตัวเองและทุกคนๆ ว่าจะระวังให้มากว่านี้ จะไม่สุ่มเสี่ยงกับการมั่นใจในตัวเองมากเกินไป

พร้อมบอกว่า น่าจะหาทางที่ดีกว่านี้ ลำบากแต่ไม่เสี่ยง ครั้งนี้เลือกทางที่ไปได้ง่ายแต่เสี่ยง และคิดไม่ได้เพราะบทเรียนคนเรามีบทเรียน ไม่ได้ประเมินสถานการณ์หลังสูญเสีย ถ้าไปโดนเส้นเลือดใหญ่คือพิการ หรือขาหักในที่ไม่มีสัญญาณ ก็จบแน่นอน เพราะชาวบ้านบอกบริเวณไม่มีใครผ่านเข้าไป ซึ่งถ้าแบตหมดหรือไม่มีสัญญาณ ก็คงนอนหนาวอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่หนาวตาย ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว

อย่างไรก็ตาม เบนซ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียน และอยากแชร์ให้ทุกคนเห็นข้อดีข้อเสียของการเที่ยวคนเดียว ซึ่งไม่อยากให้โทษชาวบ้าน หรือสถานที่ท่องเที่ยว ว่าทำไมปล่อยให้เข้าไป เพราะเป็นความผิดของตัวเองที่มาเจอสถานการณ์นี้ และอยากฝากทุกคนไว้ว่าถ้าเที่ยวคนเดียว ก็ต้อง safe ต้องคิดให้รอบคอบและหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด และในวันที่ 8 มี.ค. เบนซ์ก็ได้เดินทางกลับบ้าน ไปดูแลตัวเองกายภาพบำบัด และหวังว่าจะตนเองจะกลับมาเดินได้ในเร็ววัน.

ขอบคุณข้อมูล เฟซบุ๊ก The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว