“พระเจ้าอยู่หัว-พระราชินี” เสด็จฯไปทรงเปิด “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ต.หนองฝ้าย

วันที่ 3 เม.ย.2565 ถือเป็นวันสำคัญอีกครั้งสำหรับพสกนิกรชาวไทย เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ” ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับโครงการดังกล่าวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤติภัยแล้ง

พร้อมกับอีก 14 โครงการใน 11 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย กาญจนบุรี ขอนแก่น ราชบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม ศรีสะเกษ นครพนม กาฬสินธุ์ ลำพูน เชียงใหม่ และพัทลุง ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงมาเป็นระยะเวลายาวนาน

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเสริมศักยภาพของแหล่งน้ำบาดาลด้วยระบบส่งน้ำบาดาลระยะไกลเข้าช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

โดย ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่แรกของการเริ่มต้นดำเนินโครงการดังกล่าว ประชาชนได้รับประโยชน์ 5,786 คน พื้นที่เกษตร 3,000 ไร่ ปริมาณน้ำที่ได้ 1.7 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี

“กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้สนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤติภัยแล้ง เปลี่ยนแผ่นดินที่แห้งแล้งของ อ.เลาขวัญ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขตเงาฝน หรือ Rain shadow ทำให้ในแต่ละปี มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยต่ำกว่าพื้นที่โดยทั่วไป นอกจากนี้พื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย ทำให้เก็บน้ำไม่อยู่ เวลาที่ฝนตกลงมาก็จะซึมหายลงไปใต้ดิน ไม่สามารถก่อสร้างฝายหรืออ่างเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพื้นที่ได้ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีเพียงลำห้วยเล็กๆที่จะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝนเท่านั้น ดังนั้นในช่วงหน้าแล้งของทุกปีชาวบ้านจะเดือดร้อนเรื่องน้ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำกินน้ำใช้ ส่วนเรื่องน้ำเพื่อการเกษตรก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะน้ำจะกินจะใช้ยังไม่มี ที่สำคัญพื้นที่ส่วนใหญ่มีการปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง ทำให้มีการใช้สารเคมีกันอย่างเข้มข้น ส่งผลให้สารพิษจากปุ๋ย ยาฆ่าหญ้าและแมลง ปนเปื้อนในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ มาเป็นพื้นที่ที่มีน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค รวมถึงการเกษตรได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี” นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวถึงการจัดทำโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งเพื่อสนองพระราชปณิธาน พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สำหรับวิธีการ คือส่งเจ้าหน้าที่จากทั้งส่วนกลางและส่วน ภูมิภาค ลงพื้นที่เพื่อทำการสำรวจค้นหาแหล่งน้ำบาดาลในบริเวณดังกล่าว โดยใช้เทคนิคและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก สำรวจทั้งธรณีวิทยา ธรณีโครงสร้าง และธรณีฟิสิกส์ จนค้นพบว่าบริเวณดังกล่าวมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล จึงได้ทำการเจาะสำรวจที่ความลึก 200 เมตร ก่อนพบว่ามีชั้นกรวดทรายที่มีน้ำบาดาลกักเก็บอยู่ ที่สำคัญยังพบว่าน้ำบาดาลในบริเวณดังกล่าวมีอายุถึง 7,530 ปี ถือเป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่สะอาด สามารถดื่มได้ และมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ก่อนที่จะมีการออกแบบ วางแผนจัดทำโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง โดยการก่อสร้างระบบประปาบาดาลในบริเวณพื้นที่ ที่มีศักยภาพน้ำบาดาลที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีน้ำอุปโภคบริโภคได้ตลอดทั้งปี

“กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อร่วมสำรวจและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งสำหรับพื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทาน พร้อมนำเสนอแผนงานโครงการเพื่อพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่แห้งแล้งโดยใช้น้ำบาดาลเป็นหลัก ลักษณะโครงการประกอบด้วยบ่อน้ำบาดาล 8 บ่อ ความลึกเฉลี่ย 200 เมตร ถังเหล็กเก็บน้ำความจุ 2,000 ลูกบาศก์เมตร 2 ถัง หอถังเหล็กเก็บน้ำชนิดรักษาแรงดันความจุ 300 ลูกบาศก์เมตร 2 ถัง พร้อมทั้งระบบท่อกระจายน้ำ ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล อบต.หนองฝ้ายและ จ.กาญจนบุรี ดำเนินการให้ครอบคลุมพื้นที่ ต.หนองฝ้าย ความยาวรวม 23.3 กิโลเมตร โดยในอนาคตจะขยายระบบกระจายน้ำให้ครอบคลุมทั้ง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 11,600 ครัวเรือน หรือ 58,000 คน ปริมาณน้ำรวม 2,336,000 ลบ.ม.ต่อปี พื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 300,000 ไร่” นายศักดิ์ดา ระบุ

ที่สำคัญโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้คำนึงถึงการบริหารจัดการภายหลังการส่งมอบโครงการให้กับพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการบำรุงรักษาระบบ การลดการสูญเสียน้ำจากระบบการดำเนินงาน การพิจารณานำพลังงานทางเลือกมาใช้ในการเดินระบบเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน การรักษาระดับน้ำใต้ดินและการเติมน้ำใต้ดิน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาลอย่างยั่งยืน รวมถึงการติดตามปริมาณน้ำใต้ดิน และการควบคุมคุณภาพของน้ำใต้ดินในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขอเชิญชวนประชาชนเฝ้าฯรับเสด็จ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จ พระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวันที่ 3 เม.ย.2565 เวลา 17.00 น. ณ โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ฯ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานสืบสาน รักษา ต่อยอด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง” จำนวน 15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด ไว้เป็น “โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤติภัยแล้ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์รวมทั้งสิ้น 37,600 ครัวเรือน หรือ 143,000 คน ครอบคลุมพื้นที่รวมทั้งสิ้น 557,000 ไร่ มีปริมาณน้ำบาดาลรวมทั้งสิ้น 11.13 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายสำหรับอุปโภคบริโภคกว่า 500 ล้านบาทต่อปี

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม