ยืนยัน 2 ส.ค.นี้ เปิดทดลองวิ่งเสมือนจริง รถไฟสายสีแดง

“ศักดิ์สยาม” ยืนยันเปิดทดลองให้บริการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต 2 ส.ค. ตามกำหนดเดิม ปรับรูปแบบให้นายกรัฐมนตรีเปิดแบบออนไลน์ เพื่อสอดรับมติ ศบค. หลังโควิด-19 ระบาดหนัก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมยังคงยืนยันที่จะเปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยเปิดทดลองเสมือนจริงในวันที่ 2 สิงหาคม 64 นี้เช่นเดิม แต่รูปแบบการเปิดให้บริการจากเดิม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะมาเปิดอย่างเป็นทางการนั้น ก็จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเปิดออนไลน์จากทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 09.00 น. ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะเป็นเช่นเดียวกับกรณีการเปิดโรงงานของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมจะยังคงปฏิบัติตามภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ

การเปิดทดลองเสมือนจริงนั้น จะให้บริการ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.-ต.ค.64 และจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือน พ.ย. 64 ซึ่งจากเดิมได้มีการประเมินว่า ในช่วงเปิดให้บริการช่วงเสมือนจริง คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 40,000 คนต่อวัน และเมื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 80,000 คนต่อวัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะให้บริการเสมือนจริงในช่วงนี้และอยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ กระทรวงคมนาคม ก็จะยังคงให้บริการตามมาตรฐานสาธารณสุขที่ให้เดินทางได้ 50% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมาประเมินอีกครั้งว่า เมื่อเปิดให้บริการช่วงนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางมากน้อยตามที่คาดหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เป็นช่องทางหนึ่งให้คนมาฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ เดินทางมาโดยรถไฟสีแดงได้

ทั้งนี้ แม้ว่าการเปิดให้ประชาชนทดลองเสมือนจริงในวันที่ 2 สิงหาคม 64 ทางกระทรวงคมนาคมจะยังคงดำเนินการสอดรับกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ได้กำหนดเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 13 จังหวัด เพื่อลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง ให้ประชาชนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ได้มีคำสั่งเลี่ยง รวมถึงจำกัด หรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถาน หรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังเป็นไปตามข้อกำหนดที่ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน.