ยุโรปอ่วม! “โอมิครอน” ระบาดหนัก ยอดตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อพุ่ง! ประกาศล็อกดาวน์ช่วงคริสต์มาส-ยกเลิกงานปีใหม่

  • ตัวเลขผู้ป่วยโอมิครอนในยุโรปพุ่ง คณะกรรมาธิการยุโรปคาดโควิดโอมิครอนอาจกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักที่ระบาดในยุโรปภายในกลางเดือน ม.ค 65
  • เนเธอร์แลนด์ประกาศล็อกดาวน์ฟ้าผ่า สั่งปิดธุรกิจร้านค้าที่ไม่มีความจำเป็นรวมถึงผับบาร์ปิดยาวไปจนถึงปีหน้า พร้อมทั้งจำกัดการฉลองคริสต์มาส ส่วนปารีสงดจัดงานปีใหม่ทั้งหมด ขณะที่อังกฤษอ่วมพบผู้ป่วยโอมิครอนรายใหม่ 10,000 รายในหนึ่งวัน
  • องค์การอนามัยโลกเตือนอย่าดูถูกโอมิครอน พบหลักฐานว่าโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญที่เตือนว่าโอมิครอนมีแนวโน้มระบาดหนักกว่าที่คิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ระบบสาธารณสุขต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนได้รับผลกระทบมากที่สุด

โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นเปรียบเสมือนตัวร้ายที่เข้ามาทำลายการสังสรรค์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เทศกาลสำคัญของชาวยุโรป ซึ่งการที่จะเดินทางอยู่กับสมาชิกครอบครัวอย่างพร้อมหน้าอาจเป็นไปได้ยากในปีนี้หลังจากที่ประเทศในยุโรปได้เริ่มทยอยประกาศมาตรการคุมเข้มสกัดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่ไวรัสได้แพร่กระจายไปทั่วโลกซ้ำรอยโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาส ซึ่งถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์ที่ชัดเจน แต่ข้อมูลเชิงสถิติพบว่าโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มมีผู้ป่วยไล่ตามยอดผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ในไม่ช้า เป็นผลให้ทั่วโลกตื่นตัวเร่งรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว ส่วนองค์การอนามัยโลกชี้ว่าโควิดโอมิครอนนั้นได้แพร่ระบาดไปในหลายประเทศแล้วแต่ยังไม่มีการตรวจพบเท่านั้น และมีการยืนยันพบผู้ป่วยใน 77 ประเทศทั่วโลก 

ประเทศที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนัก คือ สหราชอาณาจักร ที่ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ตัวเลขผู้ป่วยได้พุ่งสูงขึ้น 51 เปอร์เซ็นต์ และมีรายงานพบผู้ป่วยโควิดโอมิครอนรายใหม่ 10,000 รายภายในหนึ่งวัน ทำให้สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสะสมแล้วกว่า 25,000 ราย ทั่วประเทศ และพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 7 ศพ ด้านนายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีลอนดอน ประกาศภาวะ สาธารณภัย ในกรุงลอนดอนหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าอังกฤษจะประกาศล็อกดาวน์หลังเทศกาลคริสต์มาส ส่วนประเทศอื่นๆ ในยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ และกรุงปารีสของฝรั่งเศส ได้ทยอยประกาศยกเลิกการจัดงานคริสต์มาสและปีใหม่แล้ว

ฝรั่งเศสยกเลิกจัดงานปีใหม่ เนเธอร์แลนด์ล็อกดาวน์คริสต์มาส 

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมากรุงปารีสของฝรั่งเศส ได้ประกาศยกเลิกการจัดงานฉลองปีใหม่ทั้งหมด รวมถึงยกเลิกการแสดงดอกไม้ไฟต้อนรับปีใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยนายฌ็อง กัสแต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ระบุว่า ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดครั้งที่ห้า และโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นมีแนวโน้มกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในฝรั่งเศสในช่วงต้นเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

ด้านเยอรมนีถึงแม้จะยังไม่มีการประกาศล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ แต่ได้มีการยกระดับมาตรการคุมเข้มห้ามไม่ให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าใช้บริการในร้านค้าต่างๆ พร้อมทั้งจำกัดผู้ที่เดินทางเข้าพรมแดนจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น สหราชอาณาจักร ซึ่งสหราชอาณาจักรที่ผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสะสมทะลุ 25,000 ราย ทำให้ต้องมีการยกระดับมาตรการต่างๆ และบังคับให้มีการตรวจวัคซีนพาสปอร์ต ก่อนเข้าใช้บริการในธุรกิจร้านค้า รวมถึงกำหนดให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด

ส่วนประเทศเนเธอร์แลนด์ นายมาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยธุรกิจร้านค้าที่ไม่มีความจำเป็นรวมถึง ผับบาร์ สถานที่ออกกำลังกาย ร้านตัดผม และสถานที่สาธารณะต่างๆ จะต้องปิดทำการไปจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคมปีหน้า และกำหนดให้แต่ละครัวเรือน สามารถต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมได้ไม่เกิน 2 คน ส่วนในวันคริสต์มาสสามารถต้อนรับแขกได้ไม่เกิน 4 คน โดยนายรูทท์ ระบุว่า จำเป็นต้องประกาศยกระดับมาตรการล็อกดาวน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่เนเธอร์แลนด์พบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดที่ไม่สามารถควบคุมได้

ประท้วงเดือดต้านล็อกดาวน์แม้โอมิครอนระบาดหนัก

ขณะที่โควิดกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง แต่ประชาชนในยุโรปยังคงออกมาประท้วงต่อต้านล็อกดาวน์ต่อเนื่อง ชาวเบลเยียมกว่า 1,000 คนได้รวมตัวกันเดินขบวนต่อต้านมาตรการควบคุมโรคระบาด และคำแนะนำฉีดวัคซีนของรัฐบาลในกรุงบรัสเซลส์ ด้านผู้ประท้วงมองว่ามาตรการต่างๆ รวมถึงการบังคับฉีดวัคซีนนั้นเป็นภัยคุกคามต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในเบลเยียมยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ ส่วนรัฐบาลเบลเยียมเตรียมยกระดับมาตรการควบคุมโรค หลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศล็อกดาวน์ช่วงคริสต์มาสไปแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชางอังกฤษกว่าพันคนได้ออกประท้วงเพื่อต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงมาตรการบังคับใช้บัตรผ่านวัคซีน หรือ วัคซีนพาสปอร์ต ในการเข้าใช้บริการภายในร้านค้า ซึ่งผู้ประท้วงมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิในการตัดสินใจฉีดวัคซีน ขณะที่บางส่วนชูป้ายที่เขียนข้อความว่าประชาชนไม่ใช่หนูทดลอง

ผู้เชี่ยวชาญเตือนโอมิครอนมีแนวโน้มระบาดหนัก

ขณะที่ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป คาดการณ์ว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นจะกลายเป็นโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในยุโรปในช่วงกลางเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมทั้งชี้ว่าตัวเลขการแพร่ระบาดนั้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวในระยะเวลาเพียงสองถึงสามวันเท่านั้น

สอดคล้องกับนายแอนโทนี เฟาซี ผอ.สถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่าโรคโควิดโอมิครอนนั้นมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว และจะระบาดหนักในช่วงฤดูหนาวขณะที่ประชาชนเริ่มออกเดินทาง ส่วนโจนาธาน เรย์เนอร์ นักวิเคราะห์ทางการแพทย์ของ ซีเอ็นเอ็น เตือนว่าแม้จะยังสรุปไม่ได้ว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นมีความรุนแรงเพียงใดแต่ยอดผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้ระบบสาธารณสุขได้รับแรงกดดันอย่างหนัก และผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 

ผู้เขียน: นัฐชา กิจโมกข์ (Nattachar K.)

ที่มา: Fortune, Theguardian, France24, CNN, Yahoo