“ยูเครน” สั่งอพยพประชาชนมากกว่า 40,000 คน หลังเขื่อนขนาดใหญ่แตกเพราะโดนถล่ม

ประชาชนมากกว่า 40,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของยูเครน ต้องอพยพ หลังเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการโจมตีทางทหาร ที่รัฐบาลเคียฟและรัสเซียยังคงโยนความผิดกันไปมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน สั่งให้มีการอพยพประชาชนมากกว่า 17,000 คน ในหมู่บ้านและเมืองรวมมากกว่า 80 แห่ง ในภูมิภาคเคียร์ซอน ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ โดยเฉพาะที่เมืองโนวา คาคอฟกา หลังเขื่อนคาคอฟกา ซึ่งเป็นหนึ่งในเขื่อนใหญ่ที่สุดของประเทศ และตั้งอยู่ในเมือง โนวา คาคอฟกา ได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง จากปฏิบัติการโจมตีทางทหาร ซึ่งเซเลนสกีกล่าวว่า “เป็นฝีมือของรัสเซีย” และเป็น “หายนะทางสิ่งแวดล้อม” ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษของยุโรป

คลิกชมที่นี่

ขณะที่นายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลวอชิงตัน “ยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากในเวลานี้” ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า “เป็นความประมาทของยูเครน” และย้ำว่า เขื่อนคาคอฟกาตั้งอยู่ภายในเขตยึดครองของรัสเซีย “จึงไม่มีเหตุผล” ที่รัฐบาลมอสโกจะเป็นผู้ทำลายเขื่อนแห่งนี้ และกล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่อีกราว 25,000 คน ในเขตยึดครองของรัสเซีย ที่อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำดนีโปร ต้องอพยพเช่นกัน

ทั้งนี้ เขื่อนคาคอฟกาได้รับการก่อสร้าง เมื่อปี 2499 หรือในสมัยสหภาพโซเวียต ตั้งอยู่บนแม่น้ำดนีโปร โครงสร้างหลักเป็นคอนกรีตและบางส่วนเป็นดิน ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครน และปัจจุบันเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำสำคัญของภูมิภาค ทั้งเพื่อการบริโภคชีวิตประจำวัน และเพื่อการเกษตรกรรม อีกทั้งยังเป็นเส้นทางน้ำสู่คาบสมุทรไครเมียด้วย

คลิกชมที่นี่

นอกจากนั้น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป ใช้น้ำจากเขื่อนคาคอฟกาสำหรับการทำงานของระบบหล่อเย็นด้วย อย่างไรก็กี ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ( ไอเออีเอ ) ยืนยันว่า สถานการณ์ของโรงไฟฟ้าซาโปริชเชีย “ยังคงปกติ”.

เครดิตภาพ : AFP