“รุ้ง-แอมมี่” ศาลอาญานัดไต่สวน 22 พ.ย. ลุ้นถอนประกัน “ไมค์-กวิ้น-รุ้ง” โดน ม.112 อีกคดีชุมนุมอยุธยา

ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องอัยการขอถอนประกัน “รุ้ง-แอมมี่” ฐานผิดเงื่อนไข คำสั่งศาล “แม่แอมมี่” โชว์ใบรับรองแพทย์ ป่วยจริง สุดท้ายศาลเลื่อนไปฟัง 22 พ.ย. “แม่เพนกวิน” บ่นเด็กทำดีให้เป็นกบฏ “ไมค์-กวิ้น-รุ้ง” โดน ม.112 อีกคดีชุมนุมที่อยุธยา ศาลแขวงฯปล่อยตัวชั่วคราวม็อบห้าแยกลาดพร้าวไม่ต้องวางหลักทรัพย์ พท.บี้ตร.ยิงกระสุนยางใส่ม็อบ “บิ๊กช้าง” อ้างทำตามขั้นตอน ให้ม็อบไปเรียกค่าเสียหายเอง พรรคร่วมฯจ่อแก้ ก.ม.ลูก 2 ฉบับ “บิ๊กตู่” ลั่นเอาประเทศให้รอดก่อน “เสรีฯ” ฉะ คิดบื้อๆเอารถทหารมาวิ่งแทนรถบรรทุก “สุพัฒนพษ์” อ้างแค่แผนสำรอง ลั่นตรึงดีเซลที่ 30 บ. ทบ.-ทร.เช็กแถวรถสแตนด์บายรอ

ตามที่ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องเพิกถอนคำสั่งประกัน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ร่วมกับพวก 22 คน กรณีผิดเงื่อนไขคำสั่งประกันของศาล โดยศาลเห็นว่าคดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน กำหนดนัดฟังคำสั่งการขอเพิกถอนปล่อยชั่วคราว ในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 13.30 น.

ศาลไต่สวนคำร้องถอนประกัน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องเพิกถอนคำสั่งประกัน คดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งประกัน น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ จำเลยที่ร่วมกับพวก 22 คน กรณีผิดเงื่อนไขคำสั่งประกันของศาล โดยที่บริเวณประตู 8 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำแผ่นป้ายเขตพื้นที่ควบคุมมาติดไว้ พร้อมนำโซ่มาคล้องล็อกกุญแจปิดประตู หลังแกนนำกลุ่มราษฎรนัดหมายแนวร่วม มาติดตามการไต่สวนเพิกถอนประกัน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ศาลนัดไต่สวนถอนประกัน น.ส.ปนัสยา และนายไชยอมร ในคดีปักหมุดที่ท้องสนามหลวง เชื่อว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในวันนี้ ไม่มั่นใจเหมือนกัน อาจถูกถอนประกัน

“แม่กวิ้น” บ่นเด็กทำดีให้เป็นกบฏ

ด้านนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจว่าการที่เด็กๆออกมาทำความดี กลับถูกมองว่าเป็นกบฏ เชื่อว่าแม่ๆทุกคนรู้สึกสะเทือนใจเหมือนกัน นี่หรือคือประเทศไทย นี่หรือคือความยุติธรรม นี่หรือประเทศไทยที่บอกว่าประชาธิปไตยเสรี สิ่งที่เด็กๆทำไป สิ่งที่เขาสูญเสีย สิ่งที่เขาแลกมาเพื่อพยายามแสดงให้โลกเห็น ให้ประชาชนเห็นว่าเจตนารมณ์ที่ดีของเขาคืออะไร แต่ถูกผู้ใหญ่ไปตีความผิด ถูกผู้ใหญ่รังแก ตัดอนาคตของเขา ทุกวันนี้เศร้าใจคิดถึงลูก สงสารลูก แต่เรายังมีกำลังใจ เพราะคิดว่ายังมีคนไทยอีกหลายคนและคนทั่วโลกตระหนักแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยคืออะไร สังคมนี้กำลังทำอะไรกับเด็กๆที่เป็นเยาวชนของชาติ สิ่งที่คุณทำลายไม่ใช่เพียงอนาคตของเด็ก แต่คุณทำร้ายครอบครัวทำร้ายจิตใจครอบครัว

เลื่อนฟังคำสั่งไปเป็น 22 พ.ย.

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความและมารดาของนายแอมมี่ แถลงร่วมกันพร้อมนำใบรับรองแพทย์มาโชว์ว่า “แอมมี่” มีอาการเจ็บคอ ไอ ไม่สบาย เข้ารับรักษาตัวที่ รพ.นนทเวช จ.นนทบุรี แพทย์มีความเห็นว่าแอมมี่มีความดันสูงต้องให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงมาศาลไม่ได้ ศาลเห็นว่านายแอมมี่ได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลแล้วน่าจะป่วยจริง โดยศาลทำการไต่สวนพยานของอัยการ จนเสร็จสิ้น 1 ปาก ฝ่ายทนายความจำเลยทั้งสาม แถลงไม่ติดใจนำสืบพยานอีก ขณะที่ทนายความของรุ้ง-ปนัสยา แถลงว่า จำเลยที่ 5 ยังคงยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวที่ศาลกำหนด ส่วนทนายความของไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก แถลงว่าจำเลยยังคงยืนยันตามคำคัดค้านการเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว ศาลเห็นว่าคดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน กำหนดนัดฟังคำสั่งการขอเพิกถอนปล่อยชั่วคราว ในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 13.30 น.

“ไมค์-กวิ้น-รุ้ง” โดน ม.112 อีกคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยื่นฟ้องนายภานุพงศ์ หรือไมค์ นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน และน.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง ต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในคดีหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 เพิ่มอีกคดี เป็นคดีจัดกิจกรรมชุมนุม “อยุธยาจะไม่ทนต่อไป” ในพื้นที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้ไม่ทราบรายละเอียด เพิ่งมาทราบในห้องพิจารณาคดี หลังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีแฟกซ์มายังศาลอาญาว่านายพริษฐ์ นายภาณุพงศ์ และ น.ส.ปนัสยายังมีคดีอยู่ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและศาลอาญา ถามผู้ต้องหาก็จำไม่ได้ว่าเป็นคดีใด คงเป็นคดีที่ยื่นฟ้องเข้ามาใหม่ ในช่วงที่เด็กๆชุดนี้ถูกขังอยู่ในเรือนจำ ทางศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพยายามนัดพิจารณา แต่ยังนัดไม่ได้จึงแจ้งศาลอาญา กำลังดูว่าขั้นตอนการสอบสวนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ปล่อยตัวชั่วคราวม็อบห้าแยกฯ

ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 1 (พระนครเหนือ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องม็อบห้าแยกลาดพร้าว มีนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก “ไมค์” นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา “ไผ่ ดาวดิน” นายอรรถพล บัวพัฒน์ “ครูใหญ่” กับพวกรวม 14 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.ชุมนุมฯ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง กรณีร่วมชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าวซ้อมต้านรัฐประหาร เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563 ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้ว ยกเว้นนายอานนท์ นายภาณุพงศ์ และนายจตุภัทร์ที่จะสอบคำให้การวันหลัง จึงอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยทุกคน โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่ให้มารายงานตัวต่อศาลทุกนัด นัดชี้สองสถานและนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 19 และ 22 ธ.ค. เวลา 09.00 น.

พท.บี้ ตร.ยิงกระสุนยางใส่ม็อบ

วันเดียวกันที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสดถึงการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ถามกระทู้สดว่า มาตรการควบคุมดูแลผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย เป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ โดยเฉพาะการชุมนุมวันที่ 14 พ.ย. มีการใช้กระสุนยางยิงใส่ประชาชนในจุดที่สูงกว่าเอว ไม่เป็นไปตามหลักสากลที่ให้ยิงต่ำกว่าเอว การใช้กระบองไล่ฟาดผู้ชุมนุม เหมือนตั้งใจเจตนาให้เกิดความเสียหายกับผู้ชุมนุม การอ้างผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง ใช้ประทัดยักษ์ ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากฝ่ายใด และหลายเหตุการณ์มีความเสียหายเกิดขึ้น รัฐบาลจะรับผิดชอบเยียวยาอย่างไร ฝากให้นายกฯพิจารณาคืนความสุขให้ประชาชนด้วยการลาออกด้วย

รมช.กห.ร่ายมนต์ทำตามขั้นตอน

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า รัฐบาลตระหนักถึงเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบของประชาชน แต่การชุมนุมบางกลุ่มไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ เจ้าหน้าที่พยายามอดทนอดกลั้น และดำเนินการตามขั้นตอนและหลักสากล การควบคุมผู้ชุมนุมต้องปรับวิธีให้เหมาะสมไปตามสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อาวุธรุนแรง แต่หากผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง มีประทัดยักษ์ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ กรณีเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 14 พ.ย. สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงการบาดเจ็บของผู้ชุมนุมแล้ว ส่วนผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บ สามารถใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามกฎหมายได้

“วิษณุ” แซะล้มไปก็เสนอใหม่ได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมรัฐสภาโหวตคว่ำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนว่า สามารถเสนอมาได้อีก แต่กระบวนการทุกอย่างต้องทำใหม่หมด ไม่น่ามีอะไรวุ่นวาย หากวุ่นวาย ใครที่มีหน้าที่ก็จัดการไป ส่วนคณะผู้เสนอร่างฯบอกว่าจะเดินหน้าต่อนั้น เสนอได้อีก เสนอได้ทุกวัน ปีที่แล้วเดินมาทีนึงแล้วปีนี้ก็เดินอีก ถ้าจะเดินอีกไม่ได้แปลกอะไร หากตรงใจถูกใจก็อาจได้รับความเห็นชอบมากขึ้นได้ ต้องรู้จักเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียนด้วยว่าทำไมถึงไม่ผ่าน ถ้าจะให้ผ่านต้องทำอย่างไร อาจไม่ผ่านทั้งหมด บางคำขอคงต้องเลือกเอา ประเด็นสำคัญที่ตกไป เพราะมีเรื่องไปผูกกับงบประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อทำประชามติ

กำชับวิปรัฐบาลคุมองค์ประชุม

นายวิษณุยังกล่าวถึงปัญหาการควบคุมองค์ประชุมของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลว่า มีสมาชิกครบองค์ประชุมแต่เกินมาไม่มาก อาจมีไปประชุมกรรมาธิการอยู่ ก็เป็นไปอย่างที่เห็น เมื่อถามว่าหลังจากนี้ต้องประสานให้ ส.ส.รัฐบาลควบคุมเรื่ององค์ประชุมมากกว่านี้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า การทำให้องค์ประชุมครบเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องอยู่ เพราะเป็นการเสนอกฎหมายของรัฐบาล เรื่องนี้ขอให้วิปรัฐบาลไปจัดการแล้ว เมื่อถามว่าพรรคฝ่ายค้านระบุว่า ส.ส.ฝ่ายค้านอยู่ได้แต่ทำไม ส.ส.รัฐบาลอยู่ไม่ได้ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ และวิปรัฐบาลคงทราบแล้วที่ฝ่ายค้านยืนยันว่าจะอยู่ประชุมเพื่อลงมติ แต่ไม่ขอแสดงตัวเป็นองค์ประชุมให้

พรรคร่วมฯจ่อแก้ ก.ม.ลูก 2 ฉบับ

ช่วงสายที่รัฐสภา คณะทำงานเตรียมการจัดทำร่าง พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเริ่มประชุมนัดแรก เพื่อวางกรอบและแนวทางการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ รองรับระบบเลือกตั้งใหม่ มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน มีตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วม นายวิเชียรกล่าวว่า ต้องรอให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ก่อน จึงเสนอร่างแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า จากการพูดคุยในพรรคร่วมรัฐบาลได้ข้อสรุปว่า จะเสนอร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในนามพรรคร่วมรัฐบาลเพียงฉบับเดียว เพื่อความเป็นเอกภาพ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะจัดทำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ให้แล้วเสร็จก่อนเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก เท่าที่พูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ รับปากจะไปรับฟังความเห็นจาก กกต. ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเพื่อเสนอความเห็นต่อ ครม. จัดทำกฎหมายตามเงื่อนเวลาต่อไป

พท.คาดยื่นซักฟอกเร็วสุด 15 ธ.ค.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า คาดว่าเร็วที่สุดจะรีบยื่นในวันที่ 15 ธ.ค. หรืออาจเป็นช่วงเดือน ม.ค.2565 ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพปัญหา แต่ต้องทำก่อนปิดสมัยประชุมวันที่ 28 ก.พ.2565 ส่วนแนวทางการเสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง กับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ของพรรคเพื่อไทยนั้น ต้องรอให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับการโปรดเกล้าฯก่อน ขณะนี้เตรียมคณะทำงานยกร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับไว้แล้ว เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะเสนอในนามตัวเอง แต่หากมีพรรคอื่นร่วมเสนอด้วยก็ยินดี

หอการค้าอเมริกันจับเข่า “บิ๊กตู่”

เวลา 10.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายเกร็ก หว่อง ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (American Chamber of Commerce in Thailand: AMCHAM) พร้อมคณะผู้บริหารและนักธุรกิจบริษัทสมาชิก เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยนายกฯกล่าวต้อนรับ พร้อมขอบคุณที่เป็นพันธมิตรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเสมอมา ขณะที่นายเกร็ก หว่อง กล่าวว่า นับเป็นครั้งประวัติ ศาสตร์ที่ได้พบปะกับหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคเอกชนสหรัฐฯเชื่อมั่นศักยภาพไทย พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้รับคะแนนดีเยี่ยมจากภาคธุรกิจสหรัฐฯ ประทับใจแผนการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ รวมถึงสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปก

เอา ปท.รอด การเมืองพอก่อน

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลกับคณะนักธุรกิจจากหอการค้าอเมริกันฯ ที่มีผู้ประกอบการหลายร้อยบริษัท พร้อมสนับสนุนไทยดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ หวังว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในปีหน้าและระยะต่อไปทุกคนยอมรับและชื่นชมแนวทางและวิสัยทัศน์ของพวกเรา เมื่อถามว่ากลุ่มนักธุรกิจมีการสอบถามสถานการณ์ทางการเมืองของไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไม่มีใครพูดถึง เขาไม่ห่วง เขาไม่พูดถึงเลย เขาชื่นชมการทำงานรัฐบาลในการกำหนดนโยบายด้วยซ้ำ ผมว่าวันนี้เอาประเทศไทยให้รอดก่อน เอาเศรษฐกิจให้รอด เอาโควิดให้รอดก่อน เรื่องอื่นพอได้แล้ว เรื่องการเมืองไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเถอะ ขอกัน” 

“เสรีฯ” ฉะ “ตู่” คิดบื้อๆแก้น้ำมันแพง

อีกเรื่อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯ และ รมว.กลาโหม สั่งให้ทหารนำรถมาใช้แทนกรณีสมาคมรถบรรทุกประท้วงหยุดบริการจากปัญหาน้ำมันแพงว่า บริหารรัฐล้มเหลว ไม่คิดถึงธุรกิจของประชาชนจะเอารถทหารไปวิ่งแทน ถามว่าทหารไม่มีงานทำหรือ ถึงมีเวลาว่างเอารถราชการออกมาขนส่ง มีกี่คัน กิจการรถบรรทุกมีเป็นล้านๆคัน ทหารจะมีปัญญาอะไรแก้ปัญหานี้ รถทุกคันต้องมีน้ำมันเต็มมีพลขับ เช้าต้องอุ่นเครื่องแต่ไม่ได้วิ่ง แล้วน้ำมันไปไหนหมด ทั้งปลูกผักชี เอารถทหารไปวิ่งแทน รัฐธรรมนูญห้ามรัฐกระทำการใดที่มุ่งแข่งขันกับประชาชน ปัญหาอยู่ที่น้ำมันแพงมากทำไมแก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งที่แหล่งน้ำมันอยู่ในประเทศ บริหารงานไม่เป็น “ถ้าคุณประยุทธ์ยังคิดบื้อๆอย่างนี้ ไม่อยากบอกโง่ ลาออกไปดีกว่า อยู่ไปรังแต่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนขึ้น ปล่อยให้คนที่มีสติปัญญามาแก้ไขดีกว่า ใครก็ได้เป็นนายกฯดีกว่าคุณประยุทธ์ทั้งนั้น”

ก้าวไกลเฉ่งกึ๋นอวดดี ปชช.ตาย

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่ค่ายทหาร การแก้ปัญหาที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำ มันยิ่งตอกย้ำว่านายกฯไม่เคยเห็นหัวประชาชน ใช้ตรรกะอะไรคิดนำรถทหารออกมาแทน แล้วรถทหารสามารถครอบคลุมโครงข่ายขนส่งได้จริงสักกี่วัน ไร้วิสัยทัศน์ ไร้กึ๋น ยิ่งทวีความไม่พอใจของพี่น้องสหพันธ์ขนส่งทางบกฯ ทำไมไม่พูดคุยเจรจาหาทางออกร่วมกับพวกเขา อย่าทรนง อวดดี ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ คนที่จะตายคือประชาชน

“สุพัฒนพงษ์” ตรึงดีเซลที่ 30 บ.

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กรณีที่นายกฯให้กองทัพ เตรียมใช้รถทหารขนส่งแทนรถบรรทุก เป็นแผนสำรองถ้าหากจำเป็น เมื่อถามถึงข้อเสนอของกลุ่มสหพันธ์รถบรรทุกแห่งประเทศไทย ยืนยันเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดราคาน้ำมันดีเซล นายสุพัฒนพงษ์ตอบว่า ต้องพูดคุยกันต่อ เมื่อถามย้ำว่ายังคงยืนยันราคา 30 บาทต่อลิตรใช่หรือไม่ รองนายกฯตอบว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากนั้น

โฆษก รบ.โต้ “เสรีพิศุทธ์” ใจแคบ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสว่า การนำรถทหารมาวิ่งขนส่งของแทนเป็นแผนสำรองกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ เพราะประชาชนเดือดร้อน งานของทหารคือการดูแลช่วยเหลือประชาชน รถที่ใช้ในราชการทหารมาจากเงินภาษี ไม่ใช่เรื่องแปลก คงมีแต่คนใจแคบเท่านั้น ไม่คิดช่วยประชาชนที่กำลังลำบาก

ทบ.-ทร.เช็กแถวรถสแตนด์บาย

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง รวบรวมศักยภาพด้านการขนส่ง และเตรียมข้อมูลยานยนต์ทางทหารที่สามารถนำมาใช้ขนส่งสินค้ารองรับตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งได้หารือถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและแนวทางปฏิบัติในการนำรถบรรทุก ขนาดต่างๆพร้อมกำลังพลเข้ารับภารกิจ ขั้นต้น ทบ.มีรถเหมาะกับภารกิจประมาณ 3,700 คัน การปฏิบัติจริงต้องรอสั่งการจากรัฐบาล ขณะที่ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ (ทร.) กล่าวว่า ทร.พร้อมสนองนโยบายรัฐบาลทุกเรื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กรมการขนส่งทหารเรือ มีรถบรรทุกขนาดใหญ่อยู่จำนวนหนึ่งสามารถดัดแปลงรองรับภารกิจได้ทันที เพียงแต่ตอนนี้รอแค่คำสั่งที่ชัดเจนลงมา

“ลุงป้อม” ลอยความขัดแย้งทิ้งน้ำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมกิจกรรมลอยกระทง “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสานประเพณีไทย 1 ครอบครัว 1 กระทง รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ปลอดโรคปลอดภัย” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ครม. ในวันที่ 19 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า “ก็ลอยสิ ลอยๆ แต่ว่าลงไปลอยไม่ได้ เดี๋ยวตกน้ำตาย” ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากลอยอะไรทิ้งไป พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็ลอยความขัดแย้งทั้งหมดไป ถ้าคิดว่ามี แต่ผมไม่มี

ร้องสอบตู้ไวน์ กกต.ใช้ไฟหลวง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “องค์กรอิสระก็ต้องถูกตรวจสอบ มิใช่อิสระจนปราศจากการตรวจสอบ” และภาพหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบถึงกรณีตู้แช่ไวน์ในห้องทำงานของ กกต.ด้วยปรากฏข่าวว่าในห้องทำงานของกรรมการการเลือกตั้ง (นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ) นำตู้แช่ไวน์มาใช้ในห้องทำงาน และใช้ไฟฟ้าของทางราชการ เรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชนว่า หากเป็นตู้แช่ไวน์เป็นของส่วนตัว สามารถนำมาใช้กับไฟฟ้าของทางราชการได้หรือไม่ และอาจละเมิดมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หากเป็นความผิด เห็นควรวางระเบียบการใช้กระแสไฟฟ้าของทางราชการให้เป็นไปในทางเดียวกัน และขอให้พิจารณาทำรายงานเสนอรัฐสภาในการรายงานประจำปีต่อรัฐสภาด้วย