“ศูนย์จีโนม” เผย! ทั่วโลกจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 70%

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผย ทั่วโลกจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 70% ในทุกกลุ่มประชากรและในทุกประเทศ เพื่อยับยั้งไวรัสโควิด-19 ไม่ให้กลายพันธุ์

เมื่อวันที่ 14 เม.ย.65 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผย จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 70% ในทุกกลุ่มประชากรและในทุกประเทศ เพื่อยับยั้งไวรัสมิให้กลายพันธุ์ 

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เห็นว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลกขณะนี้ สามารถปรับลดระดับให้กลายเป็นโรคประจำถิ่นได้ (อยู่ภายใต้การควบคุมของสาธารณสุขของแต่ละประเทศ) ภายในปี 2565 นี้ 

หากมีความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงวัคซีนและยาต้านไวรัส และที่สำคัญต้องมีการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ในทุกกลุ่มประชากรและในทุกประเทศ เพื่อยับยั้งไวรัสมิให้กลายพันธุ์

ศูนย์จีโนมฯ ชี้ ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ทุกกลุ่ม-ทุกประเทศ ยับยั้งโควิด-19 ไม่ให้กลายพันธุ์

โควิด-19 เป็นปัญหาของโลก  ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง ไวรัสโคโรนา 2019 จะหลบไปกลายพันธุ์ในประเทศที่ประชาชนมีการฉีดวัคซีนป้องกันน้อย และใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ในการแพร่ระบาดไปยังประเทศอื่นๆ 

แม้ว่าประชากรของประเทศนั้นจะได้รับการฉีดวัคซีน >70% ในทุกกลุ่มประชากร เพราะวัคซีนที่เราใช้ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ได้ลดลงทุกที เช่น วัคซีน mRNA ที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูง แต่สามารถป้องกันการติดเชื้อจากโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ได้เพียง 50%

ศูนย์จีโนมฯ ชี้ ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ทุกกลุ่ม-ทุกประเทศ ยับยั้งโควิด-19 ไม่ให้กลายพันธุ์

จะสังเกตได้ว่าไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์ล่าสุดคือ โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีต้นกำเนิดมาจากประเทศที่ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนน้อย 

เช่น Geuteng (BA.4)  และ KwaZulu-Natal (BA.5) ในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” ถึง 90 และ 100 ตำแหน่งตามลำดับ ซึ่ง WHO คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่า BA.5 อาจจะระบาดเข้ามาแทนที่โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2

ข้อมูลจาก Center for Medical Genomics

ภาพจาก แฟ้มภาพ AFP