สยอง! ทหารเมียนมาฆ่าเผาชาวบ้าน 38 ศพ ขณะหนีภัยสู้รบ ในรัฐคะยาติดกับพรมแดน “แม่ฮ่องสอน”

สยองทหารเมียนมาฆ่าเผาหมู่ชาวบ้าน 38 ศพ รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก พร้อมรถยนต์ 8 คัน และรถ จยย.5 คัน ในรัฐคะยาติดกับพรมแดน จ.แม่ฮ่องสอน ผู้บัญชาการกองพันที่ 4 ของเคเอ็นดีเอฟ แฉเหยื่อเป็นชาวบ้านที่พยายามหลบหนีจากการสู้รบ ถูกเผาอยู่ในกระบะรถบรรทุก ขณะที่โฆษกกองทัพเมียนมา อ้างเรียกตรวจสอบขบวนรถยนต์ แต่คนบนรถยิงก่อน เลยยิงตอบโต้ ขณะที่มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” เผยทหารหยุดขบวนรถ จับกุมชาวบ้านบางส่วนและฆ่าเผาบางส่วน มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิอยู่ในเหตุการณ์สูญหาย 2 คน ขณะที่การสู้รบพื้นที่ชายแดน จ.ตาก ยังมีต่อเนื่อง ชาวกะเหรี่ยง 5 คนบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีทางอากาศข้ามพรมแดนขอรับการรักษาฝั่งไทย ส่วนพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวถูกสั่งปิดเพิ่ม 2 แห่ง

สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงใกล้พรมแดนประเทศไทย ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. สื่อท้องถิ่นได้รายงานเหตุ จากพื้นที่ ตำบลพรูโซ รัฐคะยา ติดกับพรมแดน จ.แม่ฮ่องสอน ว่า กองกำลังป้องกันชาติกะเหรี่ยง (KNDF) พบซากรถยนต์ 8 คัน มอเตอร์ไซค์ 5 คัน ถูกเผาทำลาย เรียงรายอยู่บนถนนใกล้หมู่บ้านโมโซ ตรวจสอบพบศพชาวบ้านอย่างน้อย 38 คน ถูกเผาดำเป็นตอตะโก ในจำนวนนี้มีทั้งผู้หญิงและเด็กเล็ก
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการกองพันที่ 4 ของเคเอ็นดีเอฟ ระบุกับสำนักข่าวเมียนมา-นาว ว่า ขณะทหารประจำหน่วยลาดตระเวนในพื้นที่ เห็นกลุ่มควันดำพวยพุ่งในพื้นที่ใกล้หมู่บ้านโมโซ ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. แต่เนื่องด้วยทหารเมียนมาวางกำลังไว้แน่นหนาในพื้นที่ กว่าจะเข้าไปตรวจสอบได้ก็เป็นวันที่ 25 ธ.ค. พบกับภาพที่น่าตกใจในรถบรรทุกหลายคัน ที่จอดเรียงรายอยู่บนถนน มีศพคนถูกเผากองเกลื่อนกลาดอยู่บนกระบะหลัง ในสภาพดำเป็นตอตะโก บางรายไม่เหลือเค้าเดิมกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว และพบนิ้วเด็กที่ถูกเผารวมอยู่ด้วยเชื่อว่ามีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ
ผู้บัญชาการกองพันที่ 4 ของเคเอ็นดีเอฟ ยังกล่าวหาด้วยว่า เหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของทหารกองทัพเมียนมาสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่พยายามหลบหนีจากการสู้รบ ก่อนหน้านี้กองทัพเมียนมาได้ส่งกองพลทหารราบที่ 66 เข้ามาในตำบลพรูโซ เกิดการปะทะกันหลายครั้งกับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นดีเอฟ ระหว่างนั้นทหารเมียนมาได้บุกจับกุมชาวบ้าน รื้อทำลายที่อยู่อาศัย รวมถึงมีการจับสมาชิกนักรบกะเหรี่ยงและยิงหัวประหารทิ้ง
อย่างไรก็ตาม สื่อรัฐบาลเมียนมารายงานอ้างการเปิดเผยของโฆษกกองทัพว่า ทหารเมียนมาได้ตรวจพบขบวนรถยนต์ 7 คันมุ่งหน้าจากหมู่บ้านเกวียงงันมายังหมู่บ้านโมโซ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบกลับไม่หยุดรถ และยังยิงเข้าใส่ทหาร ทำให้ต้องตัดสินใจยิงตอบโต้ หลังจากการปะทะเจ้าหน้าที่พบว่าคนกลุ่มนี้ได้เสียชีวิตทั้งหมด แต่มิได้ระบุรายละเอียด เรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตและเรื่องศพถูกเผา
ต่อมามูลนิธิช่วยเหลือเด็ก “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ของอังกฤษ ออกแถลงการณ์ด้วยว่า เหตุสะเทือนขวัญในตำบลพรูโซ รัฐคะยา ทำให้เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิสูญหายไป 2 คน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน อยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านเพื่อพักผ่อนช่วงเทศกาล แต่ระหว่างทางได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ทหารเมียนมาหยุดขบวนรถ บังคับให้ชาวบ้านลงจากรถ จับกุมบางส่วน สังหารบางส่วนและเผาศพทิ้ง โดยมีผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย มูลนิธิยังไม่ทราบชะตากรรมของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร พบเพียงว่ารถยนต์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่มูลนิธิถูกจอดทิ้งไว้ริมถนนในสภาพถูกเผาเหลือแต่ซาก
ขณะเดียวกัน การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูในพื้นที่ชายแดนตรงข้าม จ.ตาก ทหารเมียนมาระดมยิงปืน ค. 81 มม. และ 120 มม. ถล่มหมู่บ้านแม่ทอดตะเล จังหวัด
เมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับบ้านดอนไชย หมู่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก โดยทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูใช้ปืนเล็กยาวโต้ตอบต่อเนื่อง จนเช้าเสียงปืนสงบลง ทีมแพทย์กู้ชีพ รพ.แม่สอด และอาสาสมัครกู้ชีพพระธาตุผาแดง อ.แม่สอด ได้รับการร้องขอให้ส่งรถฉุกเฉินเข้าไปพื้นที่ใกล้แนวปะทะชายแดน อ.แม่สอด เพื่อรับชาวกะเหรี่ยง 5 คน ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุทหารเมียนมานำเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินรบเข้าทิ้งระเบิดโจมตีพื้นที่บ้านแม่ทอดตะเล และหมู่บ้านเป้าหมายหลายแห่งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ธ.ค. ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คน อาการสาหัส บางคนถูกสะเก็ดระเบิดตัดขาขาด รีบนำส่ง รพ.แม่สอด โดยมีกองกำลังเจ้าหน้าที่ติดอาวุธฝ่ายไทยให้การคุ้มกันตลอดเส้นทาง
ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดส่วนพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว คอกวัวกำนันปั๋น บ้านดอนไชย ต.แม่ตาว พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านแม่กุหลวง ต.แม่กุ โดยขนย้ายผู้อพยพไปอยู่รวมกันที่พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว คอกวัวเมยโค้ง บ้านมหาวัน ต.มหาวัน เพื่อความปลอดภัย และเพื่อป้องกันผลกระทบด้านสาธารณสุข เนื่องจากพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวทั้งสองแห่งอยู่ใกล้แนวปะทะ และยังอยู่กลางชุมชนชาวไทย โดยเจ้าหน้าที่ขนย้ายผู้อพยพจากพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวคอกวัวกำนันปั๋น เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างขนย้ายผู้อพยพออกจากพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านแม่กุหลวง ซึ่งคาดว่า
จะต้องใช้เวลาอีก 1-2 วัน
ด้านนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผวจ.ตาก เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้หนีภัยชาวกะเหรี่ยงจากการสู้รบเข้ามายังฝั่งไทยมากถึง 5,358 คน ทางฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอด นำเข้าพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ที่อำเภอแม่สอด 1 แห่ง และอำเภอพบพระ 1 แห่ง ในจุดนี้มีผู้อพยพ 152 คน เป็นไปตามหลักสากล ส่วนผู้บาดเจ็บจากการสู้รบที่ได้ข้ามพรมแดนมาขอรับการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอแม่สอดและทีมกู้ชีพอำเภอแม่สอดได้เข้าช่วยเหลือ ส่วนการที่มีกระสุนปืนและลูกระเบิดที่ลอยเข้ามาตก
ในพื้นที่แนวชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานท้องถิ่นไทย-เมียนมาของฝ่ายไทย ได้แจ้งทักท้วงไปแล้ว พร้อมยิงกระสุนควันเตือนไปแล้วหลายครั้ง พร้อมกันนี้ทางฝ่ายปกครองได้แจ้งเตือนราษฎรตลอดแนวชายแดนจังหวัดตาก ไม่ให้เข้าไปพื้นที่ชายแดนใกล้แนวปะทะ เพื่อป้องกันอันตราย