“สิงคโปร์” ผ่อนมาตรการ เปิดประเทศต้อนรับนักเดินทาง หนุน “สนามบินชางงี” ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งเอเชีย!!!

  • สิงคโปร์ปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค ไม่บังคับใส่หน้ากากอนามัยในที่ทำงาน ประชาชนรวมตัวกันได้ เร่งผลักดันให้ประชาชนใช้ชีวิตร่วมกับโรคระบาด
  • รัฐบาลสิงคโปร์ตั้งเป้าดันสนามบินชางงงี ให้กลายเป็นสนามบินที่มีผู้เดินทางมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ปรับปรุงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้บริการแบบไร้การสัมผัสเพื่อปรับตัวเข้ากับยุคโรคระบาด จัดการแข่งขันกีฬาดึงดูดนักเดินทาง
  • ภาคการเดินทางและท่องเที่ยว เริ่มเห็นสัญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ประเทศต่างๆ ได้เริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทาง ซึ่งการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเป็นหนึ่งในปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจโลก 

หากพูดถึงสนามบินในภูมิภาคอาเซียน สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ เป็นหนึ่งในสนามบินที่ครองแชมป์สนามบินที่ดีที่สุดในโลกอย่างน้อย 8 ปี ทั้งการอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยต่างๆ จนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้สนามบินที่เคยต้อนรับผู้โดยสารอย่างน้อย 68 ล้านรายต่อปี ต้องเงียบเหงาเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับสนามบินอื่นๆ ทั่วโลก และแม้ว่าสนามบินชางงีจะมีชื่อเสียงติดลมบน แต่ทางสิงคโปร์เองก็เดินหน้า ออกมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะดันให้สนามบินชางงี ก้าวไปอีกขั้นกลายเป็นสนามบินที่มีผู้เดินทางมากเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของเอเชีย ที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และเปิดรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วจาก 32 ประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว กลายเป็นก้าวที่สำคัญในการเปิดประเทศรับนักเดินทางอีกครั้งหลังต่อสู้กับโรคระบาดมายาวนานร่วมปี พร้อมทุ่มงบ 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 12,466 เพื่อฟื้นการท่องเที่ยว

ผ่อนมาตรการควบคุมโรค ปรับปรุง ‘ชางงี’ ดึงดูดนักเดินทาง

วันที่ 26 เม.ย. เป็นวันที่ชาวสิงคโปร์จะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบปกติใหม่ โดยที่สามารถรวมตัวกันได้อย่างไม่จำกัดจำนวน และสามารถกลับเข้าทำงานในออฟฟิศได้อย่างเต็มรูปแบบ และยกเลิกการใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวในห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ พนักงานสามารถถอดหน้ากากอนามัยขณะทำงานได้ แต่ยังคงต้องใส่หน้ากากอนามัยหากอยู่ในสถานที่ปิดนอกเหนือจากที่ทำงาน 

ทางกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า การผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญของการเดินทางต่อสู้กับวิกฤติโรคระบาดในสิงคโปร์ ส่วนความเสี่ยงที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือการเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในขณะที่ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับเริ่มลดลง 

ด้านสนามบิงชางงีเป็นหนึ่งในสนามบินที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ทำให้มีนักเดินทางเหลือเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนนักเดินทางปกติ ทำให้การดึงดูดนักเดินทางกลับมาอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย 

ขณะที่เกิดโรคระบาดทำให้ต้องปิดสนามบินไประยะหนึ่ง ก็ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ขณะที่รัฐบาลได้เริ่มเปิดประเทศเป็นประเทศแรกๆ ของภูมิภาค ร้านค้าในสนามบินเริ่มเปิดทำการ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น การให้บริการแบบไร้การสัมผัสเพื่อปรับตัวอยู่ร่วมกับโรคระบาด มีการปรับปรุงเคาน์เตอร์เช็กอิน การตรวจสอบคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ที่สำคัญมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ระบบฆ่าเชื้อ รวมถึงหุ่นยนต์ทำความสะอาด เพื่อปรับให้เข้ากับยุคสมัยเมื่อผู้คนต้องอยู่ร่วมกับโรคระบาด

เว็บไซต์ ทีบีเอสนิวส์ รายงานบทสัมภาษณ์ของ โมห์ชิน อาซิส ผู้อำนวยการกองทุนฟื้นฟูการบินแพงโกลิน ที่มองว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงที่มาตรการต่างๆ มีความสำคัญ และนโยบายจะเป็นตัวชี้วัดว่าสนามบินนั้นให้บริการอย่างเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน หรือยังล้าหลังอยู่ 

เมื่อมองภาพรวมของสนามบินในภูมิภาค การให้บริการของสนามบินนานาชาติฮ่องกง ฮับเศรษฐกิจของเอเชีย ต้องสะดุด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการ ‘โควิดเป็นศูนย์’ ที่เข้มงวดของทางการจีน ทำให้ฮ่องกงเสียตำแหน่งในการเป็นฮับการบินนานาชาติของเอเชีย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าฮ่องกงอาจชิงตำแหน่งดังกล่าวกลับมาได้ยาก 

สนามบินนานาชาติสิงคโปร์นั้นมีบทบาทที่สำคัญทางเศรษฐกิจ โดยภาคการบินสิงคโปร์คิดเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีประเทศ และสร้างงานมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง 

ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2565 สนามบินชางงี ต้อนรับผู้โดยสาร 1.42 ล้านคน ซึ่งขยับขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีนักเดินทางเพียง 263,000 ราย อย่างก้าวกระโดด ส่วนสนามบินนานาชาติฮ่องกงมีผู้เดินทาง 157,000 ราย ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ และสนามบินนานาชาติอินชอน ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้เดินทางมากที่สุดในเอเชียเมื่อปี 2564 ต้อนรับนักเดินทาง 675,452 รายในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา 

รัฐบาลตั้งเป้าชัดเจน จัดกิจกรรมดึงดูดนักเดินทาง 

รัฐบาลสิงคโปร์ ได้ตั้งเป้าในการดึงดูดนักเดินทางกลับมาให้ได้อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนนักเดินทางก่อนเกิดโรคระบาด ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวชี้ว่าตัวเลขผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์น เดือน มี.ค.65 กระโดดขึ้นจากสองเดือนก่อนหน้าเท่าตัว ในเดือน เม.ย. 65 มีผู้เดินทางมากถึง 400,000 คน ส่วนใหญ่เดินทางจากออสเตรเลีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย นอกจากนี้สิงคโปร์ยังเตรียมกลับมาจัดการแข่งขัน ฟอร์มูลาวัน กรังด์ปรีซ์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและแสดงให้เห็นว่าสิงคโปร์ยังคงเปิดประตูต้อนรับนักเดินทาง 

ขณะที่สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ชี้ว่า ภาคการเดินทางและท่องเที่ยว เริ่มเห็นสัญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ประเทศต่างๆ ได้เริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทาง และยังพบว่านักเดินทางในปี 2565 นั้น มีกำลังจ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากกว่าเดิม สังเกตได้จากยอดการจองตั๋วเครื่องบินระดับพรีเมียม และการใช้เวลาตัดสินใจในการจองตั๋วเครื่องบินที่รวดเร็ว นอกจากนี้การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเป็นหนึ่งในปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจโลกอีกด้วย

ที่มา: TBSnewsReppler, ttrweekly