เปิดตัว! “อดีตผู้ว่าฯโจ” พิจิตต รัตตกุล ร่วมทีม เร่งรัฐบาลจัดกาบัตรผู้ว่าฯ กทม. “ภูมิใจไทย” โชว์พลัง ดูด 2 ทายาท ส.ส.พลังประชารัฐ ร่วมทัพสีน้ำเงิน

ภูมิใจไทยชูสโลแกนใหม่ “พูดแล้วทำ” ใช้หาเสียงเลือกตั้งสมัยหน้า ดูด 2 ทายาท ส.ส.พลังประชารัฐ ร่วมทัพสีน้ำเงิน “เสี่ยหนู” ลั่นพร้อมเลือกตั้ง ประกาศยกระดับโคราชเทียบชั้นบุรีรัมย์โมเดล ลั่นไม่แทงใครข้างหลัง ถ้าใครดีก็อยู่ไปเรื่อยๆ ใครไม่ดีก็อยู่กันเป็นรอบๆ เพื่อไทยหลอกด่า “บิ๊กตู่” ต้นเหตุสภาฯล่ม ซัดไม่ได้มาจาก ส.ส. เลยไม่ให้ความสำคัญร่วมประชุมสภาฯ พลังประชารัฐเคาะรายชื่อส่ง 2 ผู้สมัครชิงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา-ชุมพร 21 ธ.ค.นี้ “ธรรมนัส” บอกให้มองเป็นหลักทางการเมือง “ชัชชาติ” เปิดตัว “อดีตผู้ว่าฯโจ” พิจิตต รัตตกุล ร่วมทีม เร่งรัฐบาลจัดกาบัตรผู้ว่าฯ กทม.เร็วที่สุด “สิระ” ยุติทาบพระมหาสมปองเข้าพรรค

พรรคการเมืองเริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก เตรียม พร้อมการเลือกตั้ง ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ จ.นครราชสีมา พร้อมกับเปิดสโลแกนใหม่ “พูดแล้วทำ” ไว้ใช้หาเสียงเลือกตั้งสมัยหน้า โดยมีลูกชายและลูกสาวของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และอดีต ส.ส.พรรคต่างๆเปิดตัวร่วมสังกัดเป็นสมาชิกพรรค

ภท.ชูสโลแกนใหม่ “พูดแล้วทำ”

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่อินดอร์ สเตเดียม (ชาติชายฮอลล์) จ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทยจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำผู้บริหาร ส.ส.และสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุม ท่ามกลาง มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยผู้เข้าร่วมประชุมสวมเสื้อสีน้ำเงินสกรีนข้อความ “พูดแล้วทำ” สโลแกนใหม่ที่พรรคจะใช้หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า มีนายพิทักษ์ชน ช่างเหลา บุตรชายนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ บุตรสาวนายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ร่วมประชุมด้วย นอกจากนี้ ยังมีนายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ และนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมงานด้วย โดยนายพิทักษ์ชนกล่าวว่า เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยมาสักระยะแล้ว เพราะมีอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนอนาคตของพ่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพี่ชายจะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ต้องไปสอบถามเอง การสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พ่อและพี่ชายไม่ว่าอะไร ให้อิสระ ตัดสินใจงานการเมือง

“เสี่ยหนู” ลั่นพร้อมเลือกตั้งทุกวัน

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีปราศรัยต่อสมาชิกพรรคว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงครึ่งหลังรัฐสภาแล้ว ต้อง เตรียมการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นช่วงเวลาใดก็ได้ พรรคภูมิใจไทยพูดเสมอว่า พร้อมเลือกตั้งทุกวัน จากนี้ไม่เกิน 15 เดือน ต้องมีความพร้อม ดังนั้น การคัดเลือกผู้สมัครถือเป็นหน้าตา เป็นผู้แทนพรรค ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมี ส.ส.เขตเพิ่มเป็น 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ผู้สมัครทั้ง 500 คน ต้องนำนโยบายพรรคไปทำความเข้าใจสร้างความเชื่อถือศรัทธากับประชาชน ให้เกิดความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคที่นำนโยบายที่ประกาศ ไว้ไปปฏิบัติ สมคำพูดที่ว่าพรรคภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ” เพื่อประโยชน์ ประชาชน และประเทศ

ส่งซิกใครไม่ดีไม่ร่วมงานต่อ

นายอนุทินกล่าวว่า พรรคได้โอกาสเกือบ 3 ปี บริหารประเทศในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จุดเด่นของพรรคคือ การเป็นเอกภาพมากที่สุด เป็นภาคีสมาชิก เคารพกติการัฐธรรมนูญและความคิดเห็นกันและกัน มีความสามัคคี ทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความมั่นคง มั่นใจว่าพรรคการเมืองในสารบบที่มีความเป็น เอกภาพ เป็นปึกแผ่น จงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชนที่สุด ทุกโพลต้องมีพรรคภูมิใจไทย เพราะพูดแล้วทำ สิ่งที่สัญญากับประชาชนที่หาเสียงไว้ ทำได้เร็ว ทำได้เลย ไม่ทำนโยบายเพ้อฝัน ถูกสร้างจากการเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง นโยบายที่ประกาศไว้ทำเคร่งครัด แม้จะขัดใจใครก็ตาม ไม่พูดไปเรื่อยหรือดีแต่พูด รับผิดชอบคำพูดทุกเรื่องให้จับต้องได้ เช่น นโยบายกัญชาที่ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด การผลักดันกัญชง ส่วนใครร่วมงานกับเราไม่ต้องเหลียวหลัง ไม่มีแทงข้างหลัง ถ้าอยู่กันดีก็อยู่กันไปเรื่อยๆ ใครไม่ดีก็อยู่เป็นรอบๆ จะให้พวกมากลากไปไม่ได้ พรรคเป็นตัวของตัวเอง ไม่มี ใครสั่งได้นอกจากประชาชน นายของพรรคภูมิใจไทยคือประชาชน เชื่อว่าพรรคได้รับการยอมรับเชื่อถือจากประชาชน

“นัจมุดดีน” อาสาปักธงนราธิวาส

นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ กล่าวว่า สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว เพราะคุ้นเคยและติดต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มานาน การเลือกตั้งครั้งหน้าจะอาสาลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่เขต 3 จ.นราธิวาส ด้วยนโยบายพูดแล้วทำ พัฒนาความเป็นอยู่ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มั่นใจจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน

ตั้ง “พิพัฒน์” นั่งรอง หน.พรรค

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงผลประชุมพรรคว่า พรรคภูมิใจไทย มีมติตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่ม 1 คนคือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองหัวหน้าพรรคและเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง 11 คน อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรค

ยกชั้นโคราชเทียบบุรีรัมย์โมเดล

จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมเข้าสู่สนาม เลือกตั้งได้ตลอดเวลา สาเหตุมาประชุมใหญ่ที่ จ.นคร ราชสีมา เนื่องจากเมื่อทำพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เกิดความเจริญทุกมิติเป็นที่ประจักษ์แล้ว ในส่วน จ.นครราชสีมา เมืองใหญ่ มี ส.ส.อันดับ 2 ของประเทศ ที่พรรคมีรัฐมนตรีพื้นเพเป็นชาวโคราช และตนมีบ้านพักที่นี่ จึงอยากช่วยให้โคราชเจริญ เมื่อมีโมเดลบุรีรัมย์แล้ว อยากนำมาใช้ที่โคราชต่อไป หวังว่าชาวโคราชจะให้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยยกจังหวัด จากนั้นจะขยายโมเดลไปจังหวัดอื่นๆให้ได้ ส.ส.ยกจังหวัด ส่วนที่มีทายาท ส.ส.พลังประชารัฐและอดีต ส.ส.พรรคอื่นๆมาเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยนั้น เป็นเพราะนโยบายทำประโยชน์เพื่อประชาชน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทำให้คนรุ่นใหม่อยากมาขับเคลื่อนนโยบายด้วย เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย คนในครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกัน ในอนาคตจะมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถมาร่วมงานกับพรรคอีก การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะกวาด ส.ส.ได้เท่าใด ขึ้นอยู่กับ ประชาชน ไม่ได้วางเป้าหมายไว้ ส.ส.ภูมิใจไทย ทำงานหนักทุกวัน เชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาสต่อไป

ฟุ้งสัมพันธ์ไลน์หา “บิ๊กตู่” ทุกวัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ ภายหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า หากทุกฝ่ายให้เกียรติและเคารพกัน ถ้าอยู่ในองค์ประกอบนี้ก็พร้อมทำงานร่วมกันต่อไป ถ้าดีต่อกันก็อยู่ด้วยกันได้เรื่อยๆ ถ้าไม่ดีต่อกันก็อยู่เป็นรอบๆ ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานการทำดีต่อบ้านเมืองและประชาชน เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างไร นายอนุทิน ตอบว่า “ผม นายศักดิ์สยาม และนายกฯ ไลน์หากันทุกวัน” เราเป็นพรรคเคารพกติกา ในรัฐบาลเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ในสภาก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป็นแนวทางไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่า หากหลังเลือกตั้งมีการสลับขั้วทางการเมือง พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนอย่างไร นายอนุทินตอบว่า อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นขั้วอะไรกับใคร มั่นใจเป็นพรรคที่ประคับประคองบ้านเมืองไม่ว่าอยู่ในสถานะใด จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เลือกที่จะร่วมรัฐบาลกับใคร

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งสมัยหน้าพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันเสนอชื่อนายอนุทินเป็นนายกฯแน่นอน

พท.ยกต้นเหตุสภาล่มบ่อย

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม แถลงถึงเหตุการณ์สภาฯล่มว่า การประชุม สภาฯสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุสภาฯล่ม 2 วัน คือ วันที่ 15 และ 17 ธ.ค. ได้รวบรวมสถิติรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่การเลือกตั้งเดือน มี.ค.2562 เกิดเหตุสภาฯล่ม 12 ครั้ง ในสมัยประชุมนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 มีสภาฯล่ม 4 ครั้ง คือ วันที่ 3 พ.ย. วันที่ 17 พ.ย. วันที่ 15 ธ.ค. และวันที่ 17 ธ.ค. สาเหตุ ที่สภาฯล่มบ่อยคือ นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจาก ส.ส. จึงไม่สนใจงานสภาฯ หนีกระทู้สดที่เป็นความเดือดร้อนประชาชนไม่เคยมาตอบ เมื่อนายกฯ ไม่มาตอบกระทู้ รัฐมนตรีก็ไม่มาร่วมเป็นองค์ประชุม และความขัดแย้ง ภายในพรรคพลังประชารัฐที่การประชุมสภาฯ วันที่ 17 พ.ย. มี ส.ส.พลังประชารัฐไม่มาประชุม 19 คน พรรคเพื่อไทยพร้อมร่วมมือประชุมสภาฯ แต่พรรครัฐบาลต้องให้เกียรติฝ่ายค้าน อย่างการประชุมสภาฯ วันที่ 15 ธ.ค. ที่สภาฯ ไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.แก้ไข คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ขัดหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ตามที่ภาคประชาชนขอแก้ไข ทั้งที่ตอนอภิปราย ส.ส.รัฐบาลเห็นด้วยให้แก้ไข แต่โหวตคว่ำร่าง เป็นการเอาแต่ใจตัวเองและ ขอให้นายกฯมาร่วมประชุมสภาฯ ตอบกระทู้ความเดือดร้อนชาวบ้านด้วยตัวเอง เมื่อนายกฯหนีสภาฯ ก็ทำให้สภาฯล่ม

“ธนกร” การันตีรัฐบาลมีเอกภาพ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุเหตุสภาฯล่มเป็นปัญหาเอกภาพของรัฐบาลว่า สภาฯล่มไม่เกี่ยวกับเอกภาพรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านจ้องเล่นเกมการเมือง องค์ประชุมควรเป็นความรับผิดชอบทุกฝ่าย เป็นที่น่าสังเกตที่ผ่านมา หากฝ่ายค้านขอตรวจสอบองค์ประชุมหรือไม่ แสดงตน จะทำเพื่อตอบโต้รัฐบาล เหตุสภาฯล่ม ล่าสุด อยู่ระหว่างการพิจารณาญัตติที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว มี ส.ส.เกือบทุกพรรคร่วมเสนอญัตติ ควรเป็นความรับผิดชอบของ ส.ส.ฝ่ายค้านและ รัฐบาล ไม่ควรโยนเป็นความรับผิดชอบฝ่ายใด การที่ ฝ่ายค้านระบุสภาฯล่มบ่อย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่รับผิดชอบงานสภาฯ ไม่เหมือนสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ที่มาตอบกระทู้ในสภาฯนั้น การมาตอบกระทู้ตามสคริปต์ที่ทีมงานเขียนให้ อ่านผิดอ่านถูก ไม่รู้ปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ได้ประโยชน์ เอาเวลาไปแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจังดีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่หนีตอบกระทู้ในสภาฯ แต่หนีคดีทุจริตไปต่างประเทศ ความรับผิดชอบทั้ง 2 เรื่องนี้เทียบกันไม่ได้ การที่ฝ่ายค้านขู่เล่นเกมสภาฯล่มเห็นชัดว่า ฝ่ายค้านโหยหาอำนาจมากกว่าปกป้องประโยชน์ประชาชนหรือไม่ หลังจากนี้วิปรัฐบาล จะหารือกับวิปฝ่ายค้านถึงแนวทางการทำหน้าที่ อย่ามองอะไรเป็นเกมการเมืองไปหมด

ปชป.สวน “เต้น” หิวแสงการเมือง

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ระบุถึงเหตุการณ์สภาฯล่มเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ไม่มีสำนึกเรื่องการเมืองในระบบว่า ต้อง ถามกลับว่า นายณัฐวุฒิมีความสำนึกเรื่องการเมืองในระบบตามที่อ้างหรือไม่ ถ้ามีสำนึกจริงคงไม่ออกมา เป็นแกนนำมวลชนหาแสงให้ตัวเอง ไม่สนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ เหตุการณ์สภาฯล่มเป็นความจงใจของฝ่ายค้าน เป็นการกดดันให้รัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นการไม่เคารพกฎกติกาของระบบและไม่เคารพประชาชน ขณะนี้ประชาชนตำหนิเหตุการณ์สภาฯล่มอย่างมาก อยากให้กำหนดกฎเกณฑ์ตายตัวในรัฐธรรมนูญว่า ลาประชุม ได้กี่ครั้ง และกำหนดโทษคนโดดประชุมด้วย นายณัฐวุฒิควรย้อนไปดูว่า อดีตนายกรัฐมนตรีบางคนที่นายณัฐวุฒิเทิดทูนเข้ามาชี้แจงในสภาผู้แทนฯ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่

“อันวาร์” โต้ “นิพนธ์” ไม่รับความจริง

นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายนิพนธ์ บุญญามณีรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุนายอันวาร์เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคว่า ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เป็นเรื่องเลอะเทอะ ไม่ยอมรับความจริง โดยเฉพาะที่ระบุตนไม่ยึดถือ และเคารพมติพรรค ยิ่งแสดงความขี้เท่อในสติปัญญาออกมา คนพูดไม่เข้าใจคำว่ามติพรรคว่าคืออะไร มติพรรคในความเห็นตนต้องเป็นมติถูกต้อง ประชาชนเห็นด้วย ขอใช้โอกาสนี้ย้อนถามว่า มติพรรคที่ไม่ถูกต้องได้ลงโทษพรรคและประเทศอย่างไร เช่น การเลือกตั้งปี 2562 มติพรรคไม่ส่ง ส.ส. 4 สมัย อย่างนายเจือ ราชสีห์ ลงสมัคร จ.สงขลา แต่ส่งลูกชายของผู้ทรงอิทธิพลนิพนธ์ลงแทน อ้างผลโพล ปรากฏว่าแพ้อย่างยับเยิน เกือบ 40,000 คะแนน นี่คือมติพรรคที่คิดว่าถูกต้อง แต่มติประชาชนไม่เห็นด้วย

“จุรินทร์” กำชับห้ามทำผิด ก.ม.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 และ ส.ส.สงขลา เขต 6 ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำชับให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรคทุกคนที่ไปช่วยหาเสียงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดความสุจริตในการหาเสียง พร้อมชูนโยบายและผลงานให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ เชื่อว่าผลสำเร็จในการทำงานของพรรคที่ผ่านมามีความโดนเด่น เป็นรูปธรรมจะเป็นส่วนสำคัญประกอบการตัดสินใจของประชาชน จ.ชุมพร และ จ.สงขลา นอกจากนี้ ยังตั้งทีมกฎหมายเฉพาะกิจร่วมทำงานประสานกับทีมงานทั้งสองเขตที่จะเลือกตั้งซ่อม เพราะเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งแล้ว เรื่องการปฏิบัติตนของผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายมีความสำคัญที่สุดเช่นกัน

พปชร.เอาแน่ส่งชิงเลือกตั้งซ่อม

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค วันที่ 21 ธ.ค. เวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา เพื่อพิจารณาการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 จ.ชุมพร และ ส.ส.เขต 6 จ.สงขลา การประชุมครั้งนี้จะมีความชัดเจน โดยพื้นที่ภาคใต้มีคณะทำงานพิจารณามาก่อนแล้ว การส่งผู้สมัครเลือกตั้งอยากให้มองเป็นเรื่องหลักทางการเมือง ส่วนสนาม กทม.คณะทำงานภาค กทม.จะพิจารณาสรรหาว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ก่อน ส่วนผู้ว่าฯ กทม.ยังมีเวลา ขณะนี้ยังขาดว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. 4-5 คน นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. ในฐานะหัวหน้าภาค กทม. กำลังดำเนินการอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคนดิเดตผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมของพรรคพลังประชารัฐนั้น เขต 1 จ.ชุมพร จะส่งนายชวลิต อาจหาญ หรือทนายแดง ที่เลือกตั้งปี 2562 ได้คะแนนมาเป็นลำดับ 2 ขณะที่เขต 6 จ.สงขลา เป็นคนใหม่ ส่งนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ลงแข่ง

“สิระ” ยุติทาบทามพระมหาสมปอง

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการนัดหมายพูดคุยพระมหาสมปอง พระนักเทศน์ชื่อดัง วัดสร้อยทอง ในวันที่ 19 ธ.ค. เพื่อทาบทามมาทำงานการเมืองให้พรรคพลังประชารัฐ ภายหลังจากเตรียมลาสิกขาว่า คงต้องยกเลิกการนัดหมายดังกล่าวไปก่อน เดิมนัดหมายจะคุยกันช่วงหัวค่ำ วันที่ 19 ธ.ค.นี้ แต่ปรากฏว่า ล่าสุดไม่สามารถติดต่อพระมหาสมปองได้ คาดว่า ท่านคงถูกผู้ใหญ่ขอร้องมาไม่ให้พูด ก็เข้าใจความรู้สึกดีที่ท่านไม่อยากจะมายุ่งกับการเมือง แต่ตนตั้งใจจะทาบทามให้พระมหาสมปองมาทำงานให้พรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยเหลือประเทศ หลังจากนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ระหว่างนี้คงต้องพักเรื่องการติดต่อไว้ก่อน

“ผู้ว่าฯโจ” เปิดตัวหนุน “ชัชชาติ”

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ชุมชนคลองพิทยาลงกรณ์ บางขุนเทียน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามอิสระ ลงพื้นที่บางขุนเทียนรับฟังเสียงสะท้อนจากพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียนที่กำลังเผชิญปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการพัฒนาพื้นที่ พร้อมเปิดตัวนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. พร้อมแนวร่วมทำงานเมืองอิสระมาร่วมทีม นายพิจิตตกล่าวว่า ยินดีที่ได้มาร่วมช่วยงานทีมของนายชัชชาติที่เป็นคนทำงานจริงจัง ทำให้กรุงเทพฯดีขึ้น จะใช้ประสบการณ์ความเป็นผู้ว่าฯในอดีตมาช่วย

“ชัชชาติ” เร่งจัดกาบัตรผู้ว่าฯ กทม.

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการดึงนายพิจิตตมาร่วมงานด้วยจะช่วยดึงฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ว่า ไม่อยากให้คิดเรื่องฐานเสียง แต่เห็นว่าเป็นบุคคลมีประสบการณ์อยากขอความรู้ สิ่งใดทำมาแล้วดีก็สานต่อ สิ่งใดไม่ดีจะแก้ไขปรับปรุง ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น รัฐบาลควรจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพราะล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ส.ก. ที่ต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน ปัจจุบันเหลือผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 27 คน หากรัฐบาลตัดสินใจจัดการเลือกตั้งควรจัดให้เลือกไปพร้อมกันคราวเดียว เพื่อประหยัดงบประมาณ จะทำให้ประชาชนตื่นตัวมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการเลือกตั้ง 2 อย่าง ส่วนการตัดสินใจลงสมัครในนามอิสระ เพราะทำงานได้สะดวก ประสานการทำงานกับคนมีความรู้ ความสามารถได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องพรรคการเมือง ยืนยันไม่ได้ขัดแย้งพรรคเพื่อไทย อดีตก็เริ่มต้นจากพรรคเพื่อไทย ทำให้รู้จักงานการเมือง อดีตไม่มีทางก้าวผ่านได้ แต่อนาคตอยู่ที่เรากำหนดเอง สำหรับการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จำนวนมากเป็นเรื่องดี ประชาชนมีตัวเลือกเยอะ การเลือกตั้งไม่ถือเป็นการแข่งขัน แต่เป็นการแข่งกีฬา หลังจากนี้จะมีอีกหลายคนเปิดตัวลงชิงตำแหน่งนี้

2 กุมารปล่อยคลิปเปิดอนาคต ปท.

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองนายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หลังจากปล่อยภาพนิ่งนั่งจิบกาแฟร่วมกันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมโพสต์ข้อความคุยเรื่องอนาคตประเทศไทย หลังปีใหม่มีเรื่องมาแลกเปลี่ยน ท่ามกลางกระแสข่าวตั้งพรรคใหม่ที่เตรียมเปิดตัวปลายเดือน ม.ค.2565 นั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 19 ธ.ค. นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ พร้อมใจโพสต์คลิปวิดีโอความยาว 31 วินาที โดยเชื่อมโยงภาพนิ่งที่ปล่อยก่อนหน้านี้ พร้อมโพสต์ข้อความ โดยนายอุตตมระบุว่า “ชวนทุกท่านร่วมมองหาโอกาสใหม่ๆบนเส้นทางใหม่ๆ เพื่ออนาคตประเทศไทย กับผมและคุณสนธิรัตน์” ขณะที่นายสนธิรัตน์โพสต์ข้อความว่า “Thailand Future Focus อนาคตประเทศไทย กับ ดร.อุตตมและผมเร็วๆนี้ #สนธิรัตน์

ม็อบประกาศทวงคืนชัยชนะปีหน้า

อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา กลุ่มภราดรภาพร่วมกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จัดเสวนา “สรุปความขัดแย้งทางการเมือง (2564) และร่วมมองการเมืองไทยในปีหน้า (2565)” มีแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเข้าร่วมจำนวนมาก โดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือน้องมายด์ แกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เกิดจากความตื่นตัวประชาชนที่ปรารถนาให้สังคมดีกว่า มีความหลากหลายทางความคิด แม้อาจไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ปัญหาตอนนี้คือ รัฐบาลใช้วิธียุยงให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน หลายคนห่วงจะบานปลายเป็นความขัดแย้ง การแก้ปัญหานี้รัฐบาลต้องเปิดกว้างรับความคิดประชาชน เป็นตัวกลางเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายคุยกันได้ นักการเมืองรับฟังความคิดเห็นประชาชนสะท้อนเข้าสู่สภา ให้สภาเป็นพื้นที่แก้ปัญหาบ้านเมือง ข้อเรียกร้องปี 2565 ที่เป็นรูปธรรมคือ การ เข้าชื่อยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 คืนความเป็นธรรมให้ประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง มั่นใจปีหน้าข้อเรียกร้องการชุมนุมจะแปรเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะยกระดับตัวเอง ไม่ใช่ผู้ประท้วงอย่างเดียว แต่เป้าหมายคือ ทวงคืนชัยชนะและอำนาจประชาชนกลับคืนมา

ห่วงเกิดความขัดแย้งรุนแรงปี 65

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า กล่าวว่า สังคมไทยปัจจุบันเหมือนเกมชักเย่อ ด้านหนึ่งของเชือกคือ ฝ่ายระบบที่ล้าหลัง อีกด้านคือฝ่ายสังคมก้าวหน้า ตลอดปีเกมนี้ดำเนินไปอย่างตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างออกแรงดึงยิ่งกว่าเดิม ระบบการเมืองแสดงท่าทีหลายครั้งขัดขวางพัฒนาการประชาธิปไตย ตัวอย่างคือ จำนวนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอต่อรัฐสภาระหว่างปี 2563-2564 มีมากถึง 21 ร่าง แต่มีเพียงร่างแก้ไขระบบเลือกตั้งร่างเดียวที่ผ่านความเห็นชอบ รวมถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งคดีล้มล้างการปกครองที่สะท้อนความคิดผู้มีอำนาจในระบบเดินสวนทางกับสังคม น่ากังวลความตึงเครียดนี้จะทำให้เชือกขาดวันใดวันหนึ่ง หมายถึงอาจเกิดความรุนแรง ในปี 2565 สิ่งที่ต้องทำคือ ขยายแนวร่วมเพราะเกมชักเย่อนี้มีคนอีกจำนวนมากยังไม่ได้เข้าร่วมดึงด้วย ต้องสื่อให้เห็นว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ประเทศจะดีขึ้นอย่างไร อีกสมรภูมิที่น่าจะเกิดคือ การเลือกตั้งทำให้ประตูบานหนึ่งเปิดขึ้น ผลักดันให้ ส.ส.ที่รับฟังเสียงประชาชนเข้าไปอยู่ในสภา

“บิ๊กป๊อก” คุมเข้มมาตรการปีใหม่

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ห่วงใยประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาตรการต่างๆช่วงปีใหม่ควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้สั่งการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ดำเนินการดังนี้ 1.ด้านเตรียมความพร้อม กำชับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เตรียมการป้องกัน ใช้ความระมัดระวังจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ออัคคีภัย ห้ามเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิงโดยเด็ดขาด กำชับให้เตรียมความพร้อม ด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที หมั่นตรวจตราพื้นที่ชุมชน เส้นทางคมนาคม สถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ หากพบความเสี่ยงให้เร่งซ่อมแซม สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นพลุ ประทัด รวมถึงบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน

นายกฯเร่งแก้รถบรรทุกขู่หยุดวิ่ง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ประกาศจะยกระดับเรียกร้อง หยุดเดินรถขนส่ง 2 แสนคันเร็วๆนื้ เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ประสบปัญหาราคาน้ำมันแพงขณะนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เร่งสั่งการให้กระทรวงพลังงานหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม พร้อมเปิดพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับผลกระทบให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน รัฐบาลเข้าใจปัญหาราคาน้ำมันที่ผันผวน จึงตรึงราคาน้ำมัน ดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ช่วยกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกในระยะเร่งด่วน ส่วนระยะกลางและระยะยาว ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้ จากเดิมที่กำหนดไว้ให้กู้ได้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ขยายเป็น 3 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขอกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกเข้าใจ หากหยุดการเดินรถ จะทำให้เกิดผลเสียวงกว้าง กระทบเศรษฐกิจไทยและบรรยากาศปีใหม่ที่กำลังใช้จ่ายอย่างคึกคักขณะนี้