แม่เหยื่อร้องขอ! ให้ประหาร “บาร์โฮสต์” ตายตกไปตามกัน ผู้การฯประณาม ฆาตกร “โรคจิต”

“ไอ้รุจ” เปิดปากรับสารภาพคดีฆ่าเหยื่อในท้องที่ สน.บางยี่ขัน หลังถูกกองปราบฯตามจับกุมถึง จ.พัทลุง และพบเหยื่อสาวอีกรายถูกกักขังซ้อมโหดอาการสาหัส เชื่อมีเหยื่อมากกว่านี้ วอนเข้าแจ้งความดำเนินการ ผู้การฯพัทลุงรุดเยี่ยมเหยื่อ ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตราย ประจานพฤติกรรมล่าเหยื่อทางแอปหาคู่เข้าข่ายโรคจิต เร่งพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ เพื่ออายัดตัวจาก สน.บางยี่ขันมาดำเนินการอีกคดี ผอ.รพ.พัทลุงเผย สภาพเหยื่อบาดเจ็บทั่วตัว กระดูกแตกหักกว่า 10แห่ง เตรียมจิตแพทย์เข้าช่วยเหลือ ยังต้องรักษาตัวอีกเป็นเดือน ด้านแม่เหยื่อสาวที่เสียชีวิตเผยทั้งน้ำตา สาปแช่งให้ประหารตายตกไปตามกัน แฉพฤติกรรมโฉดหลังขอลูกไปอยู่ด้วย ห้ามคุยกันโดยตรง แถมโทรศัพท์มาไถเงินบ่อยครั้งจนไม่มีจะให้ ทั้งที่ตอนแรกบอกจะดูแล

กรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บุกเข้าจับกุมนายธนเดช หรือรุจ แก้วช่วง อายุ 27 ปี หนุ่มบาร์โฮสต์เพิ่งพ้นโทษคดีฆ่าคนตายออกจากคุกมาเมื่อปี 64 กลับมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมก่อเหตุฆ่าแฟนสาวเสียชีวิตในห้องพักย่านบางกอกน้อยเมื่อเดือน ก.ค.แล้วหลบหนี ต่อมาตำรวจกองปราบฯสืบทราบว่า นายธนเดชหนีไปกบดานในพื้นที่ภาคใต้ ซ่อนตัวอยู่ภายในแมนชันแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง ขณะบุกจับกุมกลับพบเหยื่ออีกรายถูกขังอยู่ภายในห้อง เป็นหญิงสาววัย 31 ปี สภาพถูกนายธนเดชทำร้ายทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสบอบช้ำทั่วร่างกาย ชุดสืบสวนรีบนำตัวส่งรักษา โรงพยาบาลพัทลุง ส่วนนายธนเดชถูกคุมตัวกลับกรุงเทพฯเข้าไปสอบสวนยัง บก.ป. และส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ดำเนินคดีตามหมายจับตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจาก สน.บางยี่ขัน เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 ต.ค. พ.ต.อ.จารุวัตร สิงหศรีชัย ผกก.สน.บางยี่ขัน เผยว่า หลังจากตำรวจกองปราบ ปรามควบคุมตัวนายธนเดช หรือรุจ แก้วช่วง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน มาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 473/2565 ลงวันที่ 29 ก.ย.65 ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยการทรมาน หรือกระทำทารุณโหดร้าย หลังก่อเหตุทำร้าย น.ส.กมลเนตร ละมุล อายุ 26 ปี เหตุเกิดวันที่ 21 ก.ค. ในห้องเช่าย่านอรุณอัมรินทร์ก่อนหลบหนี สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง จึงสืบสวนขยายผลเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกหลอกไปทำร้ายอีก ขอฝากผู้เสียหายที่เคยถูกกระทำเข้าให้ข้อมูล หรือแจ้งความตำรวจท้องที่ใกล้บ้านเพื่อดำเนินคดี

ด้านนายธนเดช แก้วช่วง ผู้ต้องหา ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง สน.บางยี่ขัน ท่าทางเคร่งเครียด โดยไม่มีญาติเข้ามาเยี่ยมหรือนำของมาฝาก และในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 09.00 น. พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน จะนำตัวไปขออนุญาตฝากขังศาลอาญาตลิ่งชันต่อไป

ส่วนความคืบหน้าอาการของเหยื่อสาวที่ จ.พัทลุง เช้าวันเดียวกัน พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จ.พัทลุง นำกระเช้าไปเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามอาการเหยื่อสาววัย 31 ปีที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่หอศัลยกรรมหญิง รพ.พัทลุง มีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย กระดูกซี่โครงแตก ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่แพทย์ยังคงให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลจนกว่าอาการโดยรวมจะดีขึ้น พล.ต.ต.ตานิตย์กล่าวว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือเงินเยียวยาจากภาครัฐ เมื่อหายดีตำรวจพร้อมดูแลพาส่งกลับบ้านเกิด

“ส่วนคดีตอนนี้ผู้เสียหายร้องทุกข์ไว้แล้วที่ สภ.เมืองพัทลุง เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับนายธนเดช หรือรุจ ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว จะประสานอายัดตัวไปที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินคดีตามข้อหาของ สภ. เมืองพัทลุง สำหรับนายรุจจัดเป็นฆาตกรโรคจิตใช้วิธีการหลอกล่อเหยื่อผ่านทางโซเชียลมีเดียในแอปหาคู่ เมื่อเหยื่อมาหาจะกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย กระทำลักษณะดังกล่าวกับหญิงสาวหลายราย โดยเฉพาะในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน นายรุจล่อลวงหญิงสาวและกักขังทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ส่วนเหยื่อสาววัย 31 ปี ที่นายรุจพามากักขังไว้ที่ห้องพักในพื้นที่ จ.พัทลุง โชคยังดีเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือไว้ได้ทัน” ผบก.ภ.จ.พัทลุงกล่าว

นพ.จรุง บุญกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง ให้ข้อมูลว่า เหยื่อสาววัย 31 ปีขณะนี้อาการปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าดูอาการและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกประมาณ 1 เดือน จากการตรวจรักษาของทีมแพทย์ พบถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายทั้งบริเวณใบหน้าเป็นแผลฟกช้ำดั้งจมูกหัก กระดูกซี่โครงทั้งด้านซ้ายและขวาหักรวม 9 ซี่ กระดูกสันหลัง เอว และหลังหัก 3 ตำแหน่ง เกิดจากผู้ก่อเหตุลงมือทำร้ายทั้งเตะ ต่อย ชกหน้า และกระทืบติดต่อกันนานหลายวัน หลังจากนี้แพทย์จะเข้ามาดูแลรักษาและนำจิตแพทย์มาร่วมฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้เสียหายด้วย

ส่วนความเคลื่อนไหวครอบครัว น.ส.กมลเนตร ละมุน เหยื่อนายธนเดช หรือรุจ แก้วช่วง ทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิตในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน ญาตินำอัฐิมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านในพื้นที่บ้านกุดปลาดุก หมู่ 1 ต.กุดปลาดุก อ.เมืองอำนาจเจริญ ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถาม น.ส.บุญถิ่น ละมุน อายุ 59 ปี แม่ น.ส.กมลเนตร ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า อยากให้ไอ้รุจฆาตกรโหดรายนี้ได้รับกรรมอย่างสาสม อยากให้ถูกประหารชีวิต ถูกยิงเป้า หรือถูกซ้อมจนตายเหมือนที่ทำกับลูกสาว ตนมีลูกสาวคนเดียว ก่อนหน้าจะเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ เคยมีครอบครัวแต่งงานมาแล้วมีลูกสาว 2 คน ปกติลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัวทำงานเลี้ยงดูแม่ตลอด เมื่อประมาณ 1 เดือน พบนายรุจคบหากัน นายรุจโทรศัพท์มาคุยว่าจะขอดูแลลูกสาวและส่งเงินให้แม่ใช้ด้วย

“ช่วง 2-3 วันแรกลูกสาวโทร.มาหาพูดคุยกันปกติบอกนายรุจดูแลดี หลังจากนั้น 4-5 วันติดต่อไม่ได้ ต้องติดต่อผ่านนายรุจอย่างเดียว มีการเปลี่ยนซิม เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เป็นประจำ บางเบอร์ใช้แค่ไม่ถึงวัน ส่วนใหญ่ลูกเป็นคนติดต่อมา ต่อมาแม่ได้รับโทรศัพท์จากนายรุจว่า ทั้งคู่ถูกโจรปล้น ลูกสาวถูกทำร้ายทุบตีต้องรักษาตัวแต่ไม่มีเงิน แม่เอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ไปขายส่งเงินไปให้ จากนั้นไม่นานนายรุจโทร.มาอีกบอกว่า ต้องการย้ายห้องเช่า แม่ต้องไปยืมเงินจากญาติพี่น้องโอนไปให้อีกบ่อยครั้ง รวมๆแล้วประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ทุกครั้งไม่เคยได้คุยกับลูกสาวเลย นายรุจบอกแค่ว่าลูกสาวไม่สบาย” แม่เหยื่อโหดระบาย

น.ส.บุญถิ่นกล่าวด้วยว่า จนกระทั่งวันที่ 21 ก.ย. นายรุจยังโทร.มาขอเงินแม่อีก บอกว่าลูกสาวป่วยและเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ศพอยู่ที่ รพ.ศิริราช ถ้านำศพกลับบ้านต้องใช้เงิน 1,700 บาทค่านำส่งศพ แม่บอกว่าแม่ไม่มีเงิน และขอดูหน้าลูกสาวหน่อยได้ไหม จากนั้นติดต่อนายรุจไม่ได้อีกเลย ต่อมาครอบครัวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ลูกสาวเสียชีวิต ตอนนี้ศพอยู่ที่ รพ.ศิริราช ทางครอบครัวและญาติพี่น้องจึงเดินทางไปดู นาทีที่เห็นศพลูกสาวแทบจะสิ้นใจตาย เพราะสภาพศพบวมช้ำจนจำแทบไม่ได้ แต่ที่มั่นใจคือ สร้อยข้อมือที่ลูกสาวสวมอยู่และรอยสักรูปพญานาคที่ต้นขา ทำให้จำได้และมั่นใจว่าใช่ลูกสาวของตน