Mercedes-Benz EQE 2022 ใหม่ เก๋งหรูขุมพลังไฟฟ้าขนาดกลาง ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว เตรียมวางจำหน่ายจริงช่วงกลางปี 2022 เป็นต้นไป

Mercedes-Benz EQE ใหม่ เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ต่อจาก EQS ที่ถูกเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า EQE มีขนาดตัวถังใกล้เคียงกับ CLS โฉมปัจจุบัน แต่เปลี่ยนจากฝากระโปรงท้ายเป็นแบบยกพร้อมกระจกขึ้นทั้งบาน ขณะที่ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว่า E-Class W213 อยู่เล็กน้อย โดยมีรูปลักษณ์ภายนอกราวกับ EQS ที่ถูกย่อส่วนลงมา ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่โอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังที่สั้นเป็นพิเศษ พร้อมทั้งติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 19-21 นิ้ว

     Mercedes-Benz EQE มีขนาดความยาวฐานล้ออยู่ที่ 3,120 มม. สั้นกว่า EQS อยู่ราว 90 มม. แต่มีความยาวภายในห้องโดยสารมากกว่า E-Class W213 อยู่ถึง 80 มม. พร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่พบได้ใน EQS ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ MBUX Hyperscreen, ประตูคู่หน้าแบบอัตโนมัติ (Automatic Comfort Doors) และระบบเลี้ยวล้อหลัง (Rear-axle Steering) เป็นอุปกรณ์เสริม พร้อมทั้งระบุว่า EQE มีระดับความเงียบและแรงสั่นสะเทือน (NVH) ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน

eqe_14

นอกจากนี้ หน้าจอ MBUX Hyperscreen ใน EQE มีขนาดความยาวจรดเสา A-pillar ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา โดยผู้โดยสารด้านหน้าสามารถรับชมคอนเทนท์ส่วนตัวได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถรับชมวิดีโอในขณะเคลื่อนที่ได้ โดยอาศัยกล้องอัจฉริยะที่คอยตรวจจับสายตาของผู้ขับขี่ หากพบว่าผู้ขับขี่เหลือบมองไปยังหน้าจอของผู้โดยสาร ก็จะทำการหรี่ความสว่างลงเพื่อความปลอดภัยในการขับรถ

     Mercedes-Benz EQE ถูกเปิดตัวในช่วงเริ่มต้นด้วยรุ่น EQE 350 ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 215 กิโลวัตต์ (ประมาณ 292 แรงม้า) บริเวณเพลาขับหลัง ให้แรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร พร้อมด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 545-660 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จเพื่อให้ได้ระยะทางขับขี่ราว 250 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

eqe_11

นอกจากนี้ Mercedes-Benz ยังมีแผนปล่อยรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC ที่เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าบริเวณเพลาขับหน้า และรุ่นสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ซึ่งมีกำลังสูงสุดป้วนเปี้ยนราว 500 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 680 แรงม้าเลยทีเดียว

     ส่วนการวางจำหน่ายจะมีขึ้นราวกลางปี 2022 นี้ โดยจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในเมือง Bremen ประเทศเยอรมนีเพื่อป้อนให้กับตลาดโลก ขณะที่ตลาดจีนจะถูกผลิตขึ้นในประเทศเอง