ตร.เมืองลำพูนเร่งสืบคนร้าย มือฆ่าเผานั่งยางในสวนลำไย พ่อ-แม่สาปส่ง ลั่น! จับได้ไม่ต้องขอขมา

แม่สาปส่งให้คนร้ายฆ่าเผานั่งยางลูกให้รับผลกรรม ลั่นไม่ต้องพามาขอขมา ด้านผู้การลำพูนลงพื้นที่ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ล่าสุดได้พยานปากสำคัญผู้ตายไปพบวัยรุ่นคนหนึ่งเพื่อไปเอาของบางอย่างที่เล้าเป็ด

จากกรณีที่ช่วงบ่ายวานนี้ (28 พ.ค. 65) ตำรวจ สภ.เมืองลำพูน อ.เมือง จ.ลำพูน รับแจ้งเหตุคนพบศพถูกเผานั่งยางที่บริเวณ ถนนในสวนลำไยบ้านจักรคำภิมุก หมู่ที่ 7 ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ชุดสืบสวนและจนท.พิสูจน์หลักฐานลำพูน ที่เกิดเหตุเป็นสวนลำไยที่ตรงถนนลูกรังภายในสวนดังกล่าวใกล้กับสามแยกพบกองเถ้าถ่านพบร่างของมุนษย์ในลักษณะไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกลำไส้ทะลักโดยส่วนของศีรษะเหลือแต่หัวกะโหลกสีขาวคาดว่าเป็นผู้ชายร่างใหญ่ นอกจากนั้นยังพบร่องรอยของการลากอะไรบางอย่างจากริมถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร เพราะมีร่องรอยเส้นฟางของกระสอบ หรือผ้าเต็นท์แบบมุงแดด นอกจากนี้ที่บริเวณกระท่อมข้างบ่อปลา ยังพบรอยหยดเลือด และห่างจากกระท่อมไปอีกเกือบ 200 เมตร พบร่องรอยของการนำอะไรไรบางอย่างไปทิ้งที่บริเวณสระน้ำ จนท.จึงประสานนักประดาน้ำสมาคมกู้ภัยร่วมใจลำพูนจนสามารถงมรถ จยย.ยามาฮ่า สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขึ้นมาได้

ต่อมานายเกตุ หิรัญรัตน์ อายุ 59 ปีได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุพบว่ารถจักรยานยนต์ คันดังกล่าวเป็นของ นายวุฒิไกร หิรัญรัตน์ อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นลูกชายตน อาศัยอยู่ในพื้นที่ ม.8 ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งได้หายตัวออกจากบ้านไปช่วง 3 ทุ่มคืนที่ผ่านมา และทราบว่าก่อนที่ลูกชายจะหายตัวไปเพื่อนคนหนึ่งได้โทรศัพท์มาหาลูกชายในช่วงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้จนกระทั่งมีคนมาพบศพและเมื่อคืนที่ผ่านมา จนท.ได้เชิญตัวอดีตดาบตำรวจนายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของที่บริเวณกระท่อมจุดที่พบคราบเลือดและชายวัย 57 ปี และเพื่อนสนิทของผู้ตายอีกสองคนมาสอบสวนโดยทั้งหมดให้การว่าไม่ทราบว่าใครฆ่าผู้ตายและมาให้การกับ จนท.ในฐานะเพื่อนและเจ้าของที่จุดที่พบคราบเลือดเท่านั้น ก่อนที่จนท.จะนำอดีตดาบตำรวจคนดังกล่าวไปชี้รถกระบะของเจ้าตัวที่ใช้ขับมาที่โรงพัก

โดยระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น และเกี่ยวข้องกับการตายของนายวุฒิไกรหรือไม่โดย เจ้าตัวบอกว่าบริเวณจุดที่เกิดเหตุเป็นที่ดินของตนเองจึงมาให้การในฐานะเจ้าของสวนเท่านั้น และเมื่อวานตอนเช้าตัวเองเข้าไปที่บ่อเลี้ยงปลาเพื่อเอาอาหารให้ปลาตามปกติ แต่ก็ไม่ได้เจอผู้ตาย และไม่ได้ติดต่อกับผู้ตายมานานแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวอดีตนายดาบคนดังกล่าวขึ้นรถ ไปตรวจค้นบ้านตามหมายค้นของศาลจังหวัดลำพูนในพื้นที่ ม.8 ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยขอความร่วมมือไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตามไปด้วยและได้ทำการขออายัดรถจยย.เครื่องพ่วงข้าง และรถกระบะของนายดาบตำรวจรายดังกล่าวมาตรวจสอบและที่จะให้กลับบ้านในช่วงตีสองกว่าของเมื่อคืนนี้

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 พ.ค. 65 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน ได้เรียกสอบพยานปากสำคัญซึ่งทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปพบชายวัยรุ่นคนหนึ่งเพื่อจะไปเอาของอะไรบางอย่างที่บริเวณเล้าเป็ด โดยไปกันเพียงสองคน ส่วนจะใช่คนร้ายหรือไม่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านของผู้ตาย ในพื้นที่ หมู่ที่ 8 ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน พบกับนายเกตุ หิรัญรัตน์และนางอำพร พรหมพงค์ พ่อและแม่ของผู้ตาย ซึ่งยังอยู่ในอาการโศกเศร้าพร้อม เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ได้ไปทำบุญให้ลูกชายแล้วก่อนที่จะมานั่งพับเสื้อผ้าให้ลูกพร้อมเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าเมื่อคืนก่อนที่จะเกิดเหตุลูกชายนั่งดื่มสุราหน้าบ้านคนเดียวและกำลังจะเข้านอนช่วงประมาณสามทุ่มก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามาก่อนที่ลูกชายจะขี่จยย.ออกไป หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ ตนเองออกตามหาแต่ก็ไม่พบ จนมีคนไปพบศพ เมื่อเห็นศพลูกตอนนั้นร้องไห้ทำอะไรไม่ถูกเพราะลูกตายอย่างทรมาน และยังถูกเผาจนเกรียม

มารดาอยากจะถามคนร้ายว่าทำไมโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ และคาดว่าลูกชายคงถูกลากศพมาเผาเพราะเห็นเสื้อผ้าที่ยังเผาไม่หมดมีเศษก้อนหินก้อนเล็กๆ เต็มไปหมดทั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะไม่มีเพียงคนเดียวเนื่องจากลูกชายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงหากสู้กันซึ่งหน้าคงยากที่จะล้มลูกชายตนเองจึงเชื่อว่าคนร้ายอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคน และยอมรับว่าเมื่อก่อนลูกชายเคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดบ้างแต่ก็แค่เสพและหากลูกชายตนเองติดหนี้แล้วไม่ใช้ก็มาบอกตนเองได้จะใช้หนี้ให้ทำไมถึงขั้นต้องฆ่ากันแบบนี้และหากจับคนร้ายขอสาปส่งให้คนร้ายได้รับโทษประหารและไม่ต้องนำมาขอขมาศพตนเองไม่ยอมอโหสิกรรมให้และขอให้จนท.เร่งจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ด้าน พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จ.ลำพูน เปิดเผยว่า ตอนนี้ จนท.กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องรวมถึงเจ้าของที่ดินบริเวณจุดที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด และเพื่อนๆ ของผู้ตาย ซึ่งขณะนี้ จนท.สามารถรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุได้มากพอสมควร ซึ่งคดีนี้คงต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลักและเชื่อมั่นว่า จะสามารถนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้แน่นอน แต่ต้องขอเวลาให้จนท.ทำงานก่อน เพราะต้องรอผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ซึ่งบางอย่างต้องใช้เวลา.