“ทนายษิทรา” แฉพฤติกรรมรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง! ลวนลามเด็กสาววัย 18 ปี ทำทีชวนไปคุยเรื่องงาน

ทนายษิทราแฉพฤติกรรมรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง ลวนลามเด็กสาววัย 18 ปี ช่วนไปคุยเรื่องงาน สอนเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ ลวนลามต่างๆ นานา

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความใน Facebook ส่วนตัว เพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ระบุว่า “มีน้องคนนึงมาปรึกษาว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับเพราะนักการเมืองคนนี้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆ นานา ซึ่งคุณแม่ของน้องได้ปรึกษาผมทาง LINE Official: https://page.line.me/sittra ผมได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีและเก็บหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้วครับ”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามกับ “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ความว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลากลางคืน โดยผู้เสียหายเป็นนักศึกษาอายุ 18 ปี กำลังเรียนอยู่ในระบบนอนดีกรี เทียบเท่ากับว่าเป็นนักศึกษาชั้นปี 4 ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง โดยผู้เสียหายได้พบเจอกับผู้ต้องหารายนี้เมื่อครั้งไปบรรยายวิชาการ 1 ครั้ง เป็นการอบรมเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนและเศรษฐศาสตร์ ก่อนจะขออนุญาตคุณแม่ไปทานอาหารกับผู้ต้องหารายนี้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 11 พื้นที่ สน.ลุมพินี

“โดยร้านดังกล่าวอยู่บริเวณชั้นดาดฟ้า เป็นร้านอาหารที่มีชาวต่างชาติมาใช้บริการเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ได้คุยในเรื่องที่ผู้เสียหายสนใจเกี่ยวกับเรื่องการเศรษฐกิจหรือการลงทุนแต่อย่างใด กลับพูดจาในเกี่ยวกับเรื่องเพศ ก่อนจะมีการหอมมือ หอมแก้ม จับต้องล่วงเกิน แต่ผู้เสียหายด้วยความเป็นเด็กไม่สามารถรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ โดยต้องอาศัยผู้ต้องหารายนี้นั่งรถกลับมาเพื่อพาไปส่งที่สถานีรถไฟใต้ดิน เดินทางกลับบ้าน ก็ถูกลวนลามอีก

นายษิทรา กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมารดาของผู้เสียหายได้ติดต่อตนมาพูดคุยขอความช่วยเหลือทางคดี จึงแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นพบว่า ผู้เสียหายยังมีอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร้องไห้ตลอดเวลา ขณะที่มารดาของผู้เสียหายรู้สึกผิดมากที่ปล่อยให้บุตรสาวเดินทางไปกับผู้ต้องหาเพียงลำพัง เพราะตามปกติมารดาของผู้เสียหายจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวเดินทางไปไหนด้วยรถไฟฟ้า หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างเลย

ทนายตั้มกล่าวว่า ตนได้ทำการปลอบใจขอให้น้องอดทนเพราะคดีนี้ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เท่าที่ตนทราบมาผู้ต้องหารายนี้เป็นภัยสังคมกระทำผิดในลักษณะแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง หลังจากนี้ตนจะนำหลักฐานยื่นให้ตำรวจ เท่าที่ทราบขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามเก็บกล้องวงจรปิดที่ร้านอาหารที่เกิดเหตุเป็นหลักฐาน แต่ตนยืนยันว่ามีหลักฐานที่เด็ดกว่านั้นแต่ขออุบไว้ก่อน.