“บิ๊กโจ๊ก” นั่งหัวโต๊ะถกคืบหน้าคดี “ตู้ห่าว” เร่งปิดเกมจับแล้ว 102 คน จ่อเรียกอีก 3

“บิ๊กโจ๊ก” นั่งหัวโต๊ะถกคืบหน้าคดี “ตู้ห่าว” จ่อขยายผลเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคล เตรียมออกหมายเรียกอีก 3 ราย พบตำรวจระดับสารวัตรเอี่ยวนั่ง กก.บริษัท พร้อมเร่งสรุปคดีส่งอัยการ เผยจับได้แล้ว 102 คนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ส่งผู้เชี่ยวชาญหาสารเสพติดจากเครื่องบิน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. 65 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. พร้อมด้วย ตัวแทนเจ้าพนักงานอัยการ ร่วมประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา

หลังการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจค้นได้จากหลายจุด มาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำและไล่เส้นทางการเงินเส้นทางการใช้โทรศัพท์ ว่าเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคล ที่ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินที่ยึดได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส. ใช้อำนาจดำเนินคดีฐานสมคบ และบังคับใช้กฎหมายการฟอกเงิน ดังนั้น คาดว่าจะเร่งสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการ ได้ในเร็ววันนี้ ขณะที่ในกลุ่มของผู้ต้องหาที่ถูกจับได้จำนวน 102 คน แบ่งเป็นการดำเนินคดี ได้ 3 กลุ่มคือ ความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด เฮโรอีน และยาบ้า, ความผิดฐาน นอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน

ส่วนความผิดของนายโทนี่ ตำรวจดำเนินคดี ฐานความผิดเป็นนอมินี ให้คนอื่นถือครองทรัพย์สินแทน ส่วนความผิดอื่นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

สำหรับการขยายผลความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ตำรวจออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คนคือ พัชรินทร์ ที่ยังหลบหนีในประเทศไทย, สุชาดา และ อดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คน ตำรวจมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าว เป็นประธาน ดังนั้น หากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้เชื่อว่า จะพบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกจำนวนมาก เนื่องจากตำรวจ ตั้งข้อสังเกตว่าเงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าว มีเพียงแค่หลักแสนบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้ จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่ 100,000 บาท

ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานที่เก็บได้จากเครื่องบิน ใน อ.บ่อฝ้าย จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเกี่ยวกับยาเสพติด ดีเอ็นเอ และรอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากขณะตรวจค้นสุนัข ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดมสารเสพติด มีพฤติกรรมที่แสดงออกชัดเจน

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำกัปตัน ที่มีชื่อเป็นผู้ขับเครื่องบินดังกล่าวแล้ว โดยกัปตันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปิดเผยข้อมูลของบุคคลที่ใช้เครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามที่มีเอกสารหลักฐานยืนยันไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของรายละเอียดว่ามีการใช้สารเสพติดบนเครื่องบินหรือไม่ กัปตันไม่ได้ยืนยันในส่วนนี้.