พ่อเคืองฆ่าโหด!! ฉุนลูกทำไก่ชนหาย มีดแทงดับอ้างป้องกันตัว

วันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.รัชพล โมรารัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนถูกแทงเสียชีวิต ที่กระท่อมนาท้ายบ้านดงยวด หมู่ 9 ต.นาข่า

จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มหาปัญญาวงศ์ รอง ผกก.สืบสวน ภ.จ.อุดรธานี ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้า สภ.นาข่า พ.ต.ท.พิเชฐ ปักเคธาติ สว.สส.สภ.นาข่า แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมนาทำด้วยไม้ยกพื้นสูง ด้านล่างมีสุ่มไก่ชนจำนวนมาก ภายในกระท่อมพบศพนายหนูไกร อายุ 33 ปี  นอนหงายจมกองเลือดอยู่บนที่นอน สภาพศพสวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ ข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย มีเลือดกระเซ็นไปทั่วห้อง จากการชันสูตรพบถูกแทงด้วยอาวุธบริเวณไหล่ขวา 1 แผล

ส่วนมือมีดคือนายสงวนชัย อายุ 56 ปี ชาวบ้านโพนเลา ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พ่อเลี้ยงนายหนูไกร หลังก่อเหตุได้ขับรถปิกอัพหลบหนีไป

สอบสวนนางพิสมัย อายุ 46 ปี ชาว อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี อดีตภรรยานายลอย เล่าว่า ตนกับผู้ตายเคยอยู่กินฉันสามีภรรยามาประมาณ 3-4 ปี แต่ได้เลิกกันไปแล้ว และผู้ตายมาอยู่ที่กระท่อมนานางอุดม หรือน้อยอายุ 60 ปี ภรรยาอีกคนของนายสงวนชัย พ่อเลี้ยง ถึงแม้ว่าตนและผู้ตายจะเลิกลาแยกทางกันไปแล้ว ตนก็ยังรู้สึกเป็นห่วงผู้ตาย ตนก็จะขับรถมาหาและซื้ออาหารมาให้ผู้ตายประจำ

ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลา 18.00 น.หลังเลิกงาน ตนขับรถมาหาผู้ตายที่กระท่อมนา แล้วไปตลาดซื้อกับข้าวมากินด้วยกัน กระทั่งเวลา 20.00 น.ขณะผู้ตายนอนอยู่บนห้อง นายสงวนชัย ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงผู้ตายขับรถมากับนางอุดม ภรรยาคนที่ 2 แต่นางอุดมไม่ได้ลงจากรถ

ตนจึงเดินมาหานางอุดมเพื่อทักทาย นายสงวนชัยลงมาดูไก่ชนที่ฝากผู้ตายเลี้ยง 4 ตัว ซึ่งผู้ตายบอกพ่อเลี้ยงว่าไก่หายไป 2 ตัว ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกัน ตนได้ยินเสียงตึงตังอยู่บนบ้าน ประมาณ 5 นาที นายสงวนชัยก็เดินลงมาบอกว่าเดี๋ยวตำรวจจะมาจัดการเอง แล้วขับรถออกไป

ตนจึงเดินขึ้นไปบนบ้านเห็นคนตายถูกแทงเลือดอาบ ตนจึงโทรแจ้ง 1669

ส่วนนายวันชัย อายุ 48 ปี น้องชายของนางอุดม เล่าว่า นายสงวนชัย เป็นช่างรับเหมาก่อสร้างอยู่ในเมืองอุดรธานี มีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อนางไพร พักอาศัยอยู่กับนายสงวนชัยในเมืองอุดรธานี ซึ่งนางไพรมีลูกติด 1 คนคือนายลอย ผู้ตาย

ส่วนภรรยาคนที่ 2 ชื่อนางอุดม อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของตน ซึ่งภรรยาทั้งสองของนายสงวนชัยไม่ได้ทะเลาะกัน จะสามัคคีและพูดคุยไปมาหาสู่กันประจำ นายสงวนชัยได้สร้างกระท่อมนาไว้ที่นาของครอบครัวตนเอง

ส่วนนายลอยผู้ตาย คบหากับนางพิสมัย พักอาศัยอยู่ด้วยกันที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี แต่ทราบว่ามีปัญหาจาก อ.บ้านดุง และเลิกรากับนางพิสมัย จึงมาอาศัยอยู่ด้วย

นายวันชัย เล่าต่อว่า นายสงวนชัย จึงพานายลอยลูกเลี้ยง มาอาศัยอยู่ที่กระท่อมนานางอุดม ภรรยาคนที่ 2 ซึ่งนายลอย ชอบเลี้ยงไก่ชน พ่อเลี้ยงจึงซื้อไก่ชนมาฝากเลี้ยง 4 ตัว ซึ่งนายลอยก็ดูแลให้พ่อเลี้ยง

ก่อนเกิดเหตุ นายสงวนชัยได้ขับรถมานอนที่บ้านนางอุดม 3 วันแล้ว เย็นวันนี้นายสงวนชัยได้ซื้อเนื้อมาทำลาบกิน และมีการดื่มเหล้าด้วย พอกินข้าวอิ่ม นายสงวนชัยได้ชวนนางอุดมมาให้อาหารไก่ที่กระท่อมนา โดยขับรถมาไม่นานก็กลับรถกลับบ้าน และเห็นเสื้อที่นายสงวนสวมใส่เปื้อนเลือด ก่อนออกไปคนที่บ้านก็ห้ามไว้แล้วว่ามันดึกแล้ว จะไปทำไม

ต่อมาเวลา 22.30 น. วันเดียวกัน นายสงวนชัย ได้ติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจ โดย พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ปักเคธาติ สว.สส.สภ.นาข่า ได้เดินทางมารับมอบตัวนายสงวนชัย ที่บ้านของนางอุดม บ้านถ่อนใหญ่ ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 พร้อมของกลางมีดแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ที่ใช้แทงนายหนูไกร จึงควบคุมตัวไปโรงพัก

นายสงวนชัย เล่าว่า ตนมีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อไพร มีลูกติด 2 คน รวมทั้งนายหนูไกรผู้ตาย นางอุดมเป็นภรรยาคนที่สอง มีลูกติด 2 คน ตนรักนายหนูไกรเหมือนลูกจริงๆ เพราะตนอยู่กับนางไพร แม่ผู้ตายมากว่า 10 ปี หลังกินข้าวเสร็จตนชวนนางอุดมขับรถไปกระท่อมนา เพราะตนเป็นคนกลัวผี ชวนไปด้วยกันเพื่อไปดูไก่ที่ฝากเลี้ยงไว้

แต่ไก่หายไป 2 ตัว ตนจึงขึ้นไปถามผู้ตายว่าไก่หายไปไหน ผู้ตายจะเข้ามาทำร้าย ตนจึงป้องกันตัวแทงไป 1 ครั้ง เพราะผู้ตายเป็นคนติดยา มีอาวุธมีดอยู่เต็มบ้าน ตนขอยอมรับว่าได้แทงลูกเลี้ยงจริง แล้วเดินลงไปขึ้นรถขับออกมาบ้าน เพื่อเตรียมมอบตัวกับตำรวจ

ด้านนางอุดม เล่าว่า หลังจากกินข้าวที่บ้านเสร็จ นายสงวนชัยได้ชวนไปให้อาหารไก่ที่กระท่อมนา ตนและคนที่ที่บ้านก็คัดค้าน บอกว่ามันดึกแล้วไม่ต้องไป แต่นายสงวนชัยยืนยันว่าจะไป จึงได้ไปเป็นเพื่อน เพราะปกติหากนายสงวนชัยมาที่บ้านนี้ ตนก็จะไปกระท่อมนาด้วยประจำ โดยนั่งซ้อนจักรยานยนต์ของที่บ้านกันมา

แต่วันนี้นายสงวนชัยเลือกขับรถกระบะ พอมาถึงตนก็นั่งรออยู่บนรถ นางพิสมัยฯ แฟนนายลอยก็เดินมาคุยด้วย ไม่นานก็ได้ยินเสียงทะเลาะกัน ก่อนที่นายสงวนชัยจะเดินมาที่รถ พูดเพียงว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ทำลงไป แล้วขับรถกลับบ้าน

ตนก็ไม่กล้าพูดอะไรจนมาถึงบ้าน แล้วตำรวจก็มาคุมตัวนายสงวนชัยไปโรงพัก เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหานายสงวนชัย “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป