รวบแล้ว! 3 ใน 4 ทีมโหดรุมยำเด็กชายวัย 14 ดับ กระทืบ 4 รอบ เค้นเอา “ทอง” จนเด็กขาดใจ

รวบแล้ว 3 ใน 4 ทีมโหดรุมยำเด็กชายวัย 14 ปี หาว่าขโมยทอง และเงินของญาติ เจ้าของร้านซ่อม รถ จยย. เป็นหลานเจ้าของร้าน กับพวก ตำรวจแฉลงมือซ้อม 4 รอบ ตั้งแต่ช่วงเย็นยันเช้ามืดถึงส่งกลับบ้าน คาดเหยื่อทนเจ็บไม่ไหวซมซานไปขอความช่วยเหลือญาติ ก่อนขาดใจตายอย่างน่าเศร้าใจ เร่งล่าตัวคนร้าย ที่ยังหลบหนี ส่วนพ่อคนร้ายที่มีพยานระบุทำร้ายผู้ตาย อยู่ระหว่างสอบสวน หากผิดจริงต้องโดนคดีด้วย

คดีซ้อมโหด ด.ช.ไกรศิริ วงศ์วัฒน์ อายุ 14 ปี ถูกพบเป็นศพบริเวณโรงรถในบ้านเลขที่ 359/2 หมู่ 10 ซอยหัวหนอง ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในสภาพถูกทำร้ายทารุณเนื้อตัวฟกช้ำทั้งร่าง ข้อมือมีรอยถูกเชือกรัด เมื่อบ่ายวันที่ 17 ก.ย. นายโฆษิต สินธุสระ อายุ 40 ปี น้าชาย ระบุคนร้ายเป็นญาติเจ้าของร้านซ่อมรถ จยย.ปากซอย กับพวกรุมทำร้ายหลานบนถนน บังคับให้นำทองหนัก 1 บาทและเงิน ที่ขโมยไปมาคืน ก่อนพาขึ้นรถ จยย.พ่วงข้างหนีหายไป จนมาพบหลานเป็นศพอยู่บริเวณบ้าน ในที่สุดกลุ่มคนร้ายหนีไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย ถูกตำรวจตามลากคอได้แล้ว 3 คน

โดยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ เปิดเผยว่า ตำรวจตามจับกุม 3 ใน 4 คนร้ายได้แล้ว ประกอบด้วยนายพัชรพล หรือพีช กิ่งคล้าย อายุ 21 ปี หลานเจ้าของร้านซ่อมรถ จยย. นายนัตพงค์ หรือนัท ชุ่มเย็น อายุ 26 ปี และนายกฤษดา หรือแปบ เงินท้วม อายุ 22 ปี พร้อมของกลางรถ จยย.พ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ ทะเบียน งมย 306 ชลบุรี พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ มีคราบเลือดติดอยู่ที่พื้นรถ และเชือกไนลอนสีเขียวที่ใช้มัดผู้ตาย นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์เสพยาไอซ์ซุกใต้เบาะรถ จยย.พ่วงข้าง คนร้ายที่ยังหลบหนี คือนายยุทธ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 23 ปี เบื้องต้นตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

ผกก.สภ.ห้วยใหญ่กล่าวต่อว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ย. สร้อยทองและเงิน 3,000 บาท ของนายแบล็ก เจ้าของอู่ซ่อมรถ จยย. หายไป กลุ่มคนร้ายเชื่อว่าผู้ตายขโมยไปเพราะบ้านห่างกันแค่ 200 เมตร และ ด.ช.ไกรศิริ ผู้ตายไม่เรียนหนังสือ มีพฤติกรรมชอบขโมยของ จึงทำร้ายเพื่อบังคับให้นำทรัพย์สินมาคืน ลงมือทำร้ายเด็กถึง 4 รอบ รอบแรกช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย. คนลงมือคือ นายพลูหิรัญ หรือเพช กิ่งคล้าย พ่อของนายพัชรพล เป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้าของร้านซ่อมรถ จยย. เตะและใช้รองเท้าคอมแบตตบหน้าผู้ตาย มีเพื่อนผู้ตายเห็นเหตุการณ์

พ.ต.อ.สุรกิจกล่าวต่อว่า รอบที่สองตอนห้าทุ่ม นายพัชรพลร่วมกับพวกรวม 4 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ลากผู้ตายไปทำร้ายที่บ้านร้าง จากนั้นเวลาตี 1 และ ตี 2 นายพัชรพลได้กลับมาทำร้ายผู้ตายอีกครั้ง ใช้เชือกมัดมือพาขึ้นรถ จยย.พ่วงข้าง ตระเวนไปตามซอยของหมู่บ้าน แล้วลงมือทำร้ายผู้ตายถึงตีสี่เช้าวันที่ 17 ก.ย. แล้วพากันหลบหนี ไม่ได้ทองหรือเงินสดที่อ้างว่าผู้ตายขโมยไปแต่อย่างใด คาดว่าผู้ตายอาจทนความเจ็บปวดทรมานไม่ไหวพยายามขอความช่วยเหลือที่บ้านน้าแต่ไม่มีใครอยู่ กระทั่งล้มลงเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ

ผกก.สภ.ห้วยใหญ่กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับว่าก่อเหตุจริง แต่ไม่มีเจตนาให้เสียชีวิต ต้องการแค่เค้นเอาทองคืน เพราะผู้ตายยอมรับว่าเป็นคนขโมยของไป แต่ไม่ยอมพาไปจุดซ่อนทองด้วยความโมโหจึงก่อเหตุ ในส่วนของนายพลูหิรัญ กิ่งคล้าย ที่ทำร้ายผู้ตายรอบแรก อยู่ในระหว่างสอบปากคำพยานเห็นเหตุการณ์ หากพบว่าก่อเหตุจริงจะถูกดำเนินคดีด้วย

ด้านนายวิทยา วงค์วัฒน์ อายุ 44 ปี พ่อของเด็กเหยื่อโหด กล่าวว่า ขอขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามผู้ที่ทำร้ายลูกจนเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ส่วนคนร้ายที่ยังหลบหนีขอให้มามอบตัวรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้กระทำไว้