ล่าแก๊งโจ๋! บุกศาลาสวดศพสาว เหยื่อกระสุน “ลุงหัวร้อน” ไล่ฟันสามีผู้ตายจนต้องโดดแม่น้ำหนี สุดท้ายเสียชีวิต 

ตำรวจล่าแก๊งโจ๋ บุกศาลาสวดศพเหยื่อกระสุน “ลุงหัวร้อน” ไล่ฟันสามีผู้ตายจนต้องโดดแม่น้ำเจ้าพระยาหนี สุดท้ายเสียชีวิต 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ16 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา เวลา 16.30 น. ร.ต.อ.สุรัถกิจ กิตติธัชสุข รอง สว.(สอบสวน) สน.บุคคโล รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทมีผู้กระโดดน้ำหนีตายจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บภายในวัดดาวคนอง ถนนจรัญสนิทวงศ์ 65 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุ อยู่ในศาลาตั้งศพสวดพระอภิธรรมด้านข้างเมรุของทางวัด ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.สุจิตรา หรือ เก๋ อายุ 35 ปี ผู้เสียชีวิตที่ถูก นายเสมา อายุ 50 ปี ลุงของเด็กหญิงลำดวน อายุ 14 ปี ยิงเสียชีวิตเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบข้าวของในงานกระจัดกระจาย ส่วนผู้ถูกไล่ทำร้ายร่างกายเป็นญาติพี่น้องผู้ตายที่มากราบศพ ทราบว่าถูกคู่อริไล่ราว 4-5 คน ไล่ทำร้ายวิ่งหนีกระจัดกระจายไปก่อนหน้านี้ และมีผู้ที่ตัดสินใจกระโดดน้ำเจ้าพระยาบริเวณชุมชนหลังวัดสูญหายไป

เบื้องต้น จึงประสานนักประดาน้ำของหน่วยกู้ภัยมาช่วยกันค้นหาพบร่าง นายกรีรติ หรือ แอ๊ป อายุ 32 ปี สามีคนปัจจุบันของ น.ส.สุจิตรา สภาพจมอยู่ก้นแม่น้ำเจ้าพระยา สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ จึงมอบร่างให้แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ นำไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น. นายจีน (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) อายุ 17 ปี และ นายกาย (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) อายุ 19 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้พาร่างอันสะบักสะบอมกลับจาก รพ.ทหารเรือ มาที่วัดดาวคนองอีกครั้ง

จากการสอบสวน นายจีน ผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายกรีรติ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ได้ชวนตนและนายกาย นำข้าวปลาอาหารมาเซ่นผู้ตายที่ศาลาสวดศพ เนื่องจากได้ตั้งสวดอภิธรรมศพมาครบ 3 วันแล้ว และจริงๆ จะต้องมีการฌาปนกิจในวันนี้ แต่วันนี้เป็นวันมาฆบูชา หรือ วันพระใหญ่ จึงเลื่อนกำหนดการไปเป็นวันพรุ่งนี้เวลา 16.00 น.

นายจีน กล่าวอีกว่า ระหว่างที่นั่งกันอยู่ในศาลา 3 คน อยู่ๆ ก็มีคนร้ายคู่กรณีเป็นชายวัยรุ่น 4 คน หญิงวัยรุ่น 1 คน ขับขี่และซ้อนท้าย รถ จยย.แบบผู้หญิงไม่ทราบยี่ห้อรุ่น จำนวน 2 คัน มาจอดที่หน้าศาลาสวดศพ ก่อนที่ทั้งหมดจะลงจากรถ จยย. พร้อมอาวุธมีดดาบและขวานครบมือ ปรี่เข้ามาทำร้ายตน 3 คน จนต้องวิ่งหนีตาย กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

โดยตนนั้นวิ่งไม่ทันพลาดถูกมีดฟันที่นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วชี้ มือซ้าย ต้องเย็บถึง 10 เข็ม ส่วนนายกายก็ถูกรุมกระทืบจนต้องหนีตายเข้าไปในห้องน้ำกุฏิสงฆ์ สำหรับ นายกรีรติ ผู้ตาย ทีแรกไม่ทราบว่าหนีไปทางไหน สุดท้ายมารู้ว่าวิ่งออกไปทางชุมชนหลังวัดไกลกว่า 300 เมตร ก่อนกระโดดน้ำหนีลงไปในเจ้าพระยาแต่ก็เสียชีวิตในที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ชี้แจงว่า จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ พบว่าช่วงขณะที่กำลังเตรียมประกอบพิธีภายในงานศพ มีเด็กเข้ามาจุดประทัดเล่นภายในบริเวณวัด จนเกิดเสียงรบกวนบริเวณงาน สามีของผู้เสียชีวิตจึงออกไปต่อว่า จนเด็กกลุ่มดังกล่าวไม่พอใจ

และนำเรื่องไปฟ้องกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ภายในบริเวณวัด จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ และเข้ามาไล่ทำร้ายสามีของผู้เสียชีวิตในบริเวณวัด โดยเมื่อสามีของผู้เสียชีวิตเห็นว่าจวนตัวจึงวิ่งหลบหนี และกระโดดลงไปซ่อนตัวในน้ำจนเสียชีวิต

จากการตรวจสอบบาดแผลบนศพของผู้เสียชีวิตแล้ว ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ซึ่งคาดว่าในระหว่างที่ผู้เสียชีวิตกระโดดลงไปซ่อนตัวในน้ำ อาจเกิดอาการสำลักน้ำจนทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

เบื้องต้น ชุดสืบสวนสอบสวนในพื้นที่ได้ลงไปสอบปากคำพยาน และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้หลายคน จึงตรวจสอบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ทำร้ายภรรยาของผู้เสียชีวิตจนตายในคดีก่อนหน้านี้หรือไม่

ซึ่งการตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุภายในวัด และกลุ่มผู้ก่อเหตุกับภรรยาของผู้เสียชีวิตเป็นคนละกลุ่มกัน ยืนยันว่าเหตุดังกล่าวไม่ใช่การยกพวกมาแก้แค้นของกลุ่มที่เคยก่อเหตุกับภรรยาของผู้เสียชีวิตแน่นอน เป็นเหตุซึ่งหน้าที่เกิดขึ้นจากตัวของผู้เสียชีวิตเอง

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนในพื้นที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการควบคุมตัวหรือออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวต่อไป

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ประสาน กก.สส.บก.น.8 ลง พื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในวัด และเส้นทางที่คนร้ายใช้เดินทางมาและหลบหนีแล้ว โดยหลังจากนี้จะนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย ไปสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อหาเบาะแส จับกุมตัวคนร้ายทั้ง 5 ราย มาดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. นางนันทวัน อายุ 53 ปี มารดาของนายกรีรติ รุดมาที่วัดดาวคนอง เพื่อดูศพลูกชาย ก่อนเปิดเผยทั้งน้ำตานองหน้าว่า ปกติลูกชายจะทำงานเป็นช่างรับเหมาทาสีกับพ่อภรรยา พอทราบข่าวตนก็รีบเดินทางมา รู้สึกเสียใจมากไม่คิดว่าจะเกิดความสูญเสียติดๆ กันแบบนี้อยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ซึ่งหลังจากทำการฌาปนกิจศพของ น.ส.สุจิตรา ในวันพรุ่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะรับศพลูกชายไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางสะแกนอก ถนนเทอดไท ซอย 33 ต่อไป