“หนุมานกองปราบ” บุกจับผัวเมียจอมโจรเหนือเมฆ ตระเวนงัดเซฟปั๊มน้ำมัน 14 จังหวัดทั่วอีสาน

ชุดปฏิบัติการพิเศษ หนุมานกองปราบปราม ยุทโธปกรณ์ครบมือ บุกค้น 2 จุด เมืองร้อยเอ็ด จับสองผัวเมียจอมโจรเหนือเมฆ ตระเวนงัดเซฟปั๊มน้ำมัน 32 แห่ง 14 จังหวัดทั่วอีสาน ฝีมือฉกาจไร้ร่องรอย เบาะแส จนย่ามใจสุดท้ายหยุดที่คุก

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 5 ก.พ. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือ นำหมายค้นศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อจับกุมนายมารุต อัคฮาดศรี อายุ 33 ปี และ น.ส.ภูสนิสา ประเสริฐสังข์ อายุ 26 ปี สองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 44 และ 45/2566 ตามลำดับ ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืนโดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป”

โดยเป้าหมายจุดแรกอยู่ที่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 8 ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านพักของสองผู้ต้องหา ทันทีที่ไปถึงพบบ้านพักหลังดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว ตั้งอยู่ภายในรั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้รับทราบ แต่เมื่อไม่มีผู้ใดยอมเดินออกมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานจึงตัดสินใจนำคีมตัดเหล็กตัดกุญแจประตูรั้วเข้าไป ก่อนเข้าทำการจับกุมนายมารุต ได้ดังกล่าว จากนั้นจึงทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ พร้อมขออนุญาตเข้าทำการตรวจค้นภายในบ้าน เพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม เบื้องต้นพบอุปกรณ์เครื่องตัดเหล็ก, รถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน บพ 3267 ยโสธร ,โทรศัพท์มือถือ กล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมันต่างๆ และอื่นๆ อีกหลายรายการ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

ส่วนเป้าหมายจุดที่สอง เป็นบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านพักบิดามารดาของ น.ส.ภูสนิสา ซึ่งจากการตรวจสอบพบ น.ส.ภูสนิสา ได้มากบดานซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมกับตรวจค้นภายในบ้านพักหลังดังกล่าว

สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบฯได้รับเรื่อง ร้องเรียนจากบริษัทปั๊มน้ามัน PT ว่ามีคนร้ายก่อเหตุงัดตู้เซฟปั้มน้ำมัน PT สาขาต่างๆในพื้นที่ 14 จังหวัด ภาคอีสานรวม 32 แห่ง ได้เงินไปรวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีบางแห่งที่กลุ่มคนร้ายเคยใช้อาวุธปืนจี้ข่มขู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์ขณะลงมือก่อเหตุอีกด้วย หลังทราบเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งเชื่อว่าคดีที่เกิดขึ้นทั้ง 32 แห่ง น่าจะเป็นฝีมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ทำเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี เนื่องจากการก่อเหตุแต่ละครั้งคนร้ายกลุ่มนี้จะใช้อุปกรณ์ในการงัดแงะ อย่างชำนาญ สวมหมวกกันน็อกอำพรางใบหน้า ใส่ถุงมือ ไม่ทิ้งร่องลอยลายนิ้วมือแฝง หรือ แม้กระทั่งแสงเงาให้กล้องวงจรปิดจับภาพขณะลงมือได้แม้แต่เสี้ยววินาที และมักจะเลือกลงมือก่อเหตุทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ รวมถึงมีการตระเวนดูลาดเลาปั๊มน้ำมันแต่ละแห่งก่อนจะวางแผนลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนใน เพราะรู้ขั้นตอนการเก็บเงินของทางปั้ม ซึ่งปกติปั๊มแต่ละแห่งจะนำเงินสดที่ได้จากการขายน้ำมันไปฝากธนาคารเป็นประจำทุกวัน ยกเว้น วันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ ทำให้เงินสดในตู้เซฟจะมีมากกว่าวันธรรมดาคุ้มค่าแก่การลงมือ รวมถึงรู้ระบบการรักษา ความปลอดภัยในปั๊มเป็นอย่างดี

แต่ด้วยความที่คนร้ายกลุ่มนี้ย่ามใจยังคงออกตระเวนก่อเหตุต่อเนื่องไม่เกรงกลัวกฎหมาย เหตุเพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกะรอยได้ จึงทำให้เกิดช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่พบเจอเบาะแสสำคัญ คือรถคันที่ใช้ก่อเหตุจากภาพวงจรปิดตามถนนเส้นทางต่างๆบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุแต่ละแห่ง จนนำมาสู่การสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.ภูสนิสา ผู้จัดการปั๊มน้ำมัน PT สาขายโสธร และ นายมารุต ผู้เป็นสามี อีกทั้งยังพบเบาะแสว่าเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 ก.พ. ต่อเนื่องเช้ามืด วันที่ 4 ก.พ. ทั้งคู่ได้ขับรถออกจากบ้านพักในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ตระเวนไปตามพื้นที่ จ.มหาสารคาม ขอนแก่น และ อุดรธานี ก่อนตัดสินใจลงมือก่อเหตุงัดประตูเข้าไปภายในสำนักงานปั๊มน้ำมัน PT แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี แต่เนื่องจากไม่พบตู้เซฟหรือสถานที่เก็บเงินจึงทำให้คนร้ายไม่สามารถโจรกรรมเงินในครั้งนี้ได้สำเร็จ ก่อนจะขับรถกลับมาซ่อนตัวยังบ้านพักในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่จึงเร่งตัดสินใจวางแผนนำกำลังบุกตรวจค้นพร้อมจับกุมตัวได้ดังกล่าว

จากการสอบสวน เบื้องต้น นายมารุต ผู้เป็นสามี ยอมให้การรับสารภาพ ส่วนตัว น.ส.ภูสนิสา ภรรยา ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการควบคุมตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง