“UAE” ช่วยเหยื่อหญิงไทย ถูกหลอกค้าประเวณี “ดูไบ” ชุดแรก 3 คน กลับประเทศไทย

ศพดส.ตร.ประสานหน่วยงานความมั่นคง UAE ช่วยเหยื่อหญิงไทยถูกหลอกค้าประเวณีดูไบชุดแรก 3 คน กลับประเทศไทยเข้ากักตัว 10 วัน ก่อนพบ ผบ.ตร.

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล คณะที่ปรึกษา รมว.แรงงาน เดินทางเข้าพบ นาย Najeeb Alawadhi ผู้บัญชาการระดับสูงหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอนิเรสต์ (UAE) ที่สำนักงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เพื่อประสานความร่วมมือในการช่วยเหลือหญิงไทย ที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีในเมืองดูไบ โดยได้ส่งข้อมูลแก๊งค้ามนุษย์ ซึ่งมีชาวไทยเป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศกับนายทุนชาวจีนและอินเดีย ในเมืองดูไบ 4 กลุ่ม ที่กระจายตัวอยู่ในเมืองดูไบ ราสอัลไคมาห์ และอัจมาน ซึ่งในสองเมืองหลังอยู่ห่างจากเมืองดูไบ 200 กิโลเมตร 

ศพ ดร.ตร.พบว่า ขบวนการนี้จะใช้ร้านนวดบังหน้า ในการบังคับให้หญิงไทยค้าประเวณี และหากปฏิเสธจะต้องยอมเป็นหนี้นับ 100,000 บาท หรือไม่ก็อาจถูกขายทอดตลาดให้กับแก๊งค้ามนุษย์ต่างเมือง ซึ่งภายหลังการพูดคุย นาย Najeeb Alawadhi ผู้บัญชาการระดับสูงหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอนิเรสต์ ให้คำมั่นว่าจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือหญิงไทยตามคำร้องขอโดยเร็วที่สุด และจะขยายความร่วมมือไปยังเมืองข้างเคียง เพื่อร่วมแก้ปัญหาการค้ามนุษย์กลับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และคณะเดินทางเข้าพบ นายวราวุธ ภู่อภิญญา เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี เพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางการจัดการปัญหาแรงงานไทย ที่ถูกหลอกมาทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอาบูดาบี กล่าวว่า แต่ละเดือนจะมีคนไทยใน UAE เข้ามาขอความช่วยเหลือนับ 100 คน มาจากปัญหาเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย อยู่เกินระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงถูกหลอกให้ค้ายาเสพติดและค้าระเวณี เฉลี่ยแต่ละปีสถานฑูตต้องส่งคนไทยกลับประเทศนับ 1,000 คน

ต่อจากนั้นเดินทางเข้าพบ นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ เพื่อหารือแนวทางในการเตรียมรับเหยื่อการค้ามนุษย์ ที่เดินทางกลับประเทศไทย โดยที่ผ่านมากงสุลใหญ่ ณ  เมืองดูไบ ระบุว่า ทางสถานกงสุลต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยระหว่างรอการส่งกลับ รวมทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งส่วนใหญ่มักอ้างว่าไม่มี จึงต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนไม่น้อยในการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน 

ภายหลัง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เข้าพบหน่วยงานความมั่นคงของดูไบ ได้ไม่ถึงสัปดาห์ทางการดูไบบุกเข้าไปช่วยเหลือหญิงไทยออกมาได้เป็นกลุ่มแรก และยืนยันว่าจะใช้ความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ประสานกับตำรวจในเมืองข้างเคียง เพื่อให้การช่วยเหลือหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์โดยเร็วที่สุด โดยหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งค์ค้ามนุษย์ ที่ได้รับการช่วยเหลือกลุ่มแรก 3 คนถูกส่งตัวขึ้นเครื่องบินกลับมายังประเทศไทยแล้ว เมื่อช่วงค่ำและจะเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามมาตรการควบคุมโรค ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 10 วัน ก่อนที่จะเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ 

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขอเตือนคนไทยที่จะมาทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีและควรสมัครงานผ่านกระทรวงแรงงาน เพราะจะได้การคุ้มครองและฐานเงินเดือนขั้นต่ำ เพราะหากมาทำงานผิดกฎหมายเสี่ยงที่จะถูกจับดำเนินคดี ทั้งนี้ยืนยันว่า UAE รายได้ไม่สูงเหมือนที่นายหน้าไปหลอกลวงคนไทย เพราะโดยค่าเฉลี่ยรายได้ขั้นต่ำของแรงงานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 800 ดีแรม ค่าอาหารและที่พักผู้ว่าจ้างจะเป็นคนออกให้ฟรี
อีกปัญหาสำคัญ คือ มีหญิงไทยที่ถูกล่อลวงมาค้าประเวณีจำนวนไม่น้อย พลาดพลั้งตั้งท้อง ทำให้สถานกงสุลต้องประสานกับหลายหน่วยงาน เพื่อหาทางยื่นเรื่องต่อศาลให้มีคำสั่งรับรองบุตรที่เกิดจากหญิงไทย ที่ถูกล่อลวงก่อนถึงจะส่งกลับประเทศได้ 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ขบวนการค้ามนุษย์ใน UAE จะทำงานเป็นเครือข่ายโดยมีคนไทยคอยเป็นตัวประสานงานหลัก เพื่อหลอกลวงคนไทยมาค้ามนุษย์ในดูไบ โดยเหยื่อจะถูกยึดพาสปอร์ตทันทีที่เดินทางมาถึง และหากปฏิเสธการทำงานก็จะต้องเป็นหนี้สินจำนวนไม่น้อย หลายคนจึงตกอยู่ในสภาพจำยอม โดยเฉพาะกลุ่มหญิงไทยที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณี โดยต้องรับแขกอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง ตั้งแต่เช้าจรดมืด และหากปฏิเสธการทำงาน ก็อาจถูกทำร้ายกักขังทำให้สูญเสียอิสรภาพ 

“ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือข้อมูลที่ ศพดส.ตร.พบ หญิงไทยจำนวนไม่น้อยถูกขายทอดไปให้ขบวนการค้ามนุษย์ ที่อยู่ต่างเมืองออกไป ทำให้ความเป็นอยู่ยิ่งลำบาก และการช่วยเหลือก็เป็นไปได้ยาก นั่นเป็นเพราะระบบการสื่อสาร ผนวกกับหญิงไทยที่โดนหลอกมาส่วนใหญ่ จะไม่มีความรู้ทางภาษา หลายคนจึงตกอยู่ในสภาพเหมือนตกนรกบนดิน” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

ด้าน นางปลิดา ร่วมคำ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) กล่าวว่า ความต้องการแรงงานไทยในดูไบมีมากกว่า 5,000 อัตราต่อปี ปัจจุบันมีคนเข้ามาในช่องทางถูกกฎหมาย 3,000  อัตราอีก 2,000 กว่าอัตรา เป็นกลุ่มที่ลักลอบเข้ามาทำงานผิดกฏหมาย โดยแอบซื้อวีซ่าทำงานมาเปลี่ยนภายหลัง อยากเตือนสติหญิงไทยว่าให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน และหากอยากได้งานทำโดยมีสวัสดิการและการคุ้มครองที่ดี จากรัฐจะต้องสมัครงานผ่านกรมการจัดหางานเพื่อให้แรงงานที่จะเข้ามาในดูไบ มีฐานเงินเดือนขั้นต่ำที่ไม่น้อยกว่า 15,000 บาท และจะได้ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรีไม่ถูกล่อลวงไปทำงานที่ผิดกฎหมาย หรือต้องคอยหาซื้อวีซ่ามาสวม  ซึ่งเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี 

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล คณะที่ปรึกษา รมว.แรงงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เจอบ่อยที่สุด คือ คนไทยที่เดินทางเข้ามาในดูไบ มีเป้าประสงค์มาทำงาน แต่ไม่มีข้อมูลที่ดีพอ สุดท้ายก็ต้องมาแอบซื้อวีซ่าทำงาน เพื่ออยู่ต่อได้แค่สามเดือนหกเดือน ไม่เกินเก้าเดือนต่อครั้ง และหากพลาดพลั้งก็อาจถูกหลอกเข้าไปอยู่ในวังวนการค้ามนุษย์ ที่ใช้แรงงานเยี่ยงทาส ยืนยันว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน มีความเป็นห่วงแรงงานไทยที่เดินทางมายัง UAE  และไม่อยากให้สถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศนี้ รุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้แนะนำให้แรงงานไทย ที่อยากมีงานทำประสานตรงที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จะได้งานที่มีคุณภาพมีทักษะและตรงกับความต้องการ

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า แต่ละเดือนจะมีคนไทยเดินทางมุ่งหน้ามา UAE เดือนละ 400 คน โดยช่วงโควิดที่ผ่านมานั้น ดูไบไม่ปิดประเทศการเดินทางเข้า ทำให้สถิติการถูกหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่สามารถสกัดกั้นการเดินทางได้ แม้จะรู้ว่าในจำนวนผู้เดินทางไม่น้อยตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ นั่นเป็นเพราะว่าการเดินทางในแต่ละครั้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ผู้เดินทางมีสิทธิ์ที่จะได้รับการลงตราให้ออกนอกประเทศ ยกเว้นกรณีที่ผู้เดินทางมีความผิดตามกฏหมาย หรือต้องคดีอาญาโดยจากนี้ไปจะทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงแรงงานการท่าอากาศยานรวมไปถึงสายการบิน และสถานทูต เพื่อทำบัญชีแก๊งค้ามนุษย์ ขึ้นมาใช้ร่วมกันจะได้ช่วยกันสกัดกั้น ไม่ให้ขบวนการนี้สามารถหลอกลวงคนไทยได้อีก